(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้รีบาวด์เล็กน้อยตามภูมิภาคจากคาดหวังเจรจาการค้า แต่หวั่นกลุ่มพลังงาน-ปิโตรฯถ่วงหลังราคาน้ำมันร่วงแรง

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะรีบาวด์ขึ้นได้เล็กน้อย เช่นเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ต่างก็ปรับตัวขึ้นกันเล็กน้อย จากความคาดหวังเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน จะสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรกได้ หลังจากที่มีรายงานข่าวออกมาว่า มีความเป็นไปได้ที่เจ้าหน้าที่การค้าของสหรัฐและจีนจะบรรลุข้อตกลงการค้าก่อนวันที่ 15 ธ.ค. ซึ่งเป็นกำหนดวันที่สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนในอัตรา 15%

อย่างไรก็ดี ตลาดบ้านเราอาจได้รับแรงถ่วงจากหุ้นในกลุ่มพลังงาน และปิโตรเคมี หลังจากที่ราคาน้ำมันได้ร่วงแรง 5% เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา จากความวิตกเจรจาการค้าที่ยังมีอยู่ และกังวลการผลิตน้ำมันของสหรัฐฯมีแนวโน้มพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

นอกจากนี้ มีหลายปัจจัยยังต้องติดตาม โดยในวันที่ 5-6 ธ.ค.นี้ให้ติดตามการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) , วันพรุ่งนี้ติดตามการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งอาจจะมีการพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม อย่างด้านการท่องเที่ยว เป็นต้น และในวันที่ 10-11 ธ.ค.ก็จะมีการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งก็ให้ติดตามดูถ้อยแถลงของประธานเฟด

พร้อมให้แนวรับ 1,580 จุด ส่วนแนวต้าน 1,600 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

• ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (29 พ.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 28,051.41 จุด ลดลง 112.59 จุด (-0.40%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,140.98 จุด ลดลง 12.65 จุด (-0.40%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,665.47 จุด ลดลง 39.70 จุด (-0.46%)
• ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 94.72 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 2.47 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 128.85 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 20.37 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 9.59 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 4.35 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.81 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 30.30 จุด
• ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (29 พ.ย.62) 1,590.59 จุด ลดลง 7.09 จุด (-0.44%)
• นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3,139.50 ล้านบาท เมื่อวันที่ 29 พ.ย.62
• ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ม.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (29 พ.ย.62) ปิดที่ 55.17 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 2.94 ดอลลาร์ หรือ 5.1%
• ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (29 พ.ย.) อยู่ที่ -1.15 ดอลลาร์/บาร์เรล
• เงินบาทเปิด 30.22 ยังไร้ปัจจัยใหม่ ตลาดยังรอความชัดเจนเจรจาการค้า-ตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ
• "สมคิด" ส่งสัญญาณไตรมาส 4 ฟื้น จีดีพีทั้งปีโต 2.4% แนะเอกชนรับมือบาทแข็ง ชี้สหรัฐจับตาแทรกแซง ค่าเงิน ชี้ว่างงานต่ำเพียง 1% ถือว่าปกติ "หอการค้า" ชงแผนดันจีดีพีปีหน้าโต 3% ห่วงซื้อสินค้าออนไลน์ต่างประเทศปีละ 1 แสนล้านบาท ทุบเศรษฐกิจย่านการค้า
• หอการค้าไทยยื่นสมุดปกขาว "บิ๊กตู่" เสนอ 5 แนวทางขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เพื่อผลักดันเศรษฐกิจไทยปี 63 ขยายตัวไม่ต่ำกว่า 3% เผยได้เสนอให้เร่งรัดโครงการลงทุนให้เสร็จเร็วขึ้น 2-3 ปี เพื่อเร่งการจ้างงานจ่ายโอที
• "แบงก์ชาติ" เดินหน้า แก้ไขปัญหาหนี้รายย่อยต่อเนื่อง ล่าสุดเตรียมขยายเกณฑ์ "คลินิกแก้หนี้"ให้ลูกหนี้เอ็นพีแอลรายใหม่ที่เป็นหนี้เสียหลัง 1 ม.ค.62 เข้าร่วมโครงการได้ ทั้งต้นปีหน้าอาจเปิดให้ลูกหนี้ที่อยู่ระหว่างดำเนินคดีเข้าร่วมด้วย หวังช่วยเหลือ ลูกหนี้ในวงกว้าง พร้อมลุยถกคณะทำงาน เล็งช่วยลดภาระดอกเบี้ย-ค่าใช้จ่าย ให้ลูกหนี้ดี แต่เริ่มมีสัญญาณผิดนัดชำระก่อนลามเป็นหนี้เสีย
• กกพ.เปิดงบ 5 ปี ใช้เงิน 5 พันล้านบาท ดันพัฒนาไฟโซลาร์-ขยะ ยัน "ไฟจากฟ้า" ใช้เงิน 120 ล้านบบาท ตามมาตรการกกพ. แย้มเอกชนตบเท้าขอเป็นชิปปิ้งนำเข้าแอลเอ็นจีเพิ่ม

*หุ้นเด่นวันนี้

• CBG (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 107 บาท แนวโน้มกำไร Q4/62 สดใสต่อเนื่องจากพัฒนาการของอัตรากำไรขั้นต้นที่โดดเด่นจากที่อยู่ในระดับ 35% ในช่วงต้นปี เป็น 41% ใน Q3/62 และยังพัฒนาได้อีก เบื้องต้นคาดกำไร Q4/62 +7% Q-Q, +52% Y-Y ทำให้ทั้งปี +114% ด้านอัตรากำไรที่ดีขึ้นมาจากการใช้กำลังการผลิตที่สูงขึ้นของโรงงานกระป๋อง (มีประสิทธิภาพ) และโรงงานขวดแก้ว (ได้คำสั่งซื้อเพิ่ม) บริษัทตั้งเป้าอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มเป็น 43-44% ปีหน้า ส่วนผู้บริหารตั้งเป้าปีหน้า aggressive เน้นตลาด CLMV ส่วนในประเทศมีแผนออกสินค้าใหม่และแย่งตลาดจากคู่แข่ง ส่วนตลาดจีนลดเป้าลง และลดค่าใช้จ่าย ICUK ต่อเนื่อง โดยคาดกำไรปีหน้า +23% โตเด่นสุดในกลุ่ม
• BGC (กรุงศรี) "ซื้อเก็งกำไร"เป้า IAA Consensus 15 บาท ราคาหุ้นลดลงแรงสะท้อนผลประกอบการที่อ่อนแอใน Q3/62 ไปแล้ว ขณะที่แนวโน้มใน Q4/62 รวมถึงต้นปีหน้าจะได้ประโยชน์และ Sentiment บวกจากต้นทุนราคาก๊าซที่ลดลง หลังจากปัจจุบันราคาน้ำมันเตาที่มีซัลเฟอร์สูง (HSFO) ราคาร่วงแรงเนื่องจากกองเรือเปลี่ยนไปใช้น้ำมันเตาที่มีกำมะถันและซัลเฟอร์ต่ำก่อนที่มาตรการใหม่ของ IMO จะเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่ต้นปีหน้าเป็นต้นไป (สูตรคำนวณราคาก๊าซซึ่งเป็นวัตถุดิบขวดแก้ว Link กับราคาน้ำมันเตา HSFO)