ตลาดหลักทรัพย์ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,565.45 จุด ลดลง 2.18 จุด (-0.14%) มูลค่าการซื้อขาย 45,085.83 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ โดยดัชนีทำระดับสูงสุดที่ 1,570.39 จุด และทำระดับต่ำสุดที่ 1,556.51 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 628 หลักทรัพย์ ลดลง 945 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 504 หลักทรัพย์
นายสุโชติ ถิรวรรณรัตน์ ผู้จัดการฝ่ายวิจัย บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ต่างติดลบ สวนทางตลาดในยุโรปที่เริ่มกลับมารีบาวด์หลังจากที่ร่วงแรง 2 วันติดต่อกัน ทั้งนี้รับผลจากปัจจัยเรื่องเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังหลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ส่งสัญญาณว่าการทำข้อตกลงการค้าอาจล่าช้าไปจนกว่าจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือน พ.ย.63 ทำให้กังวลว่าสหรัฐฯจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนรอบใหม่วันที่ 15 ธ.ค.นี้ มองว่าเป็นการซ้ำเติมตลาดฯ
ส่วนปัจจัยในประเทศในเรื่องกองทุนการออมระยะยาวรูปแบบใหม่ (SSF) ที่จะมาทดแทนกองทุน LTF ในปีหน้า ส่งผลให้นักลงทุนมีความกังวลว่าเม็ดเงินจากนักลงทุนสถาบันจะชะลอไป ส่งผลให้ภาพการลงทุนไม่เกื้อหนุน
ขณะที่พรุ่งนี้ (5 ธ.ค.) ตลาดหุ้นไทยปิดทำการเนื่องในวันพ่อแห่งชาติ
แนวโน้มการลงทุนในวันศุกร์นี้ (6 ธ.ค.) นายสุโชติ กล่าวว่า หากปัจจัยต่าง ๆ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ตลาดฯก็คงจะแกว่ง Sideway down พร้อมให้แนวรับ 1,560-1,550 จุด หากดัชนีฯลงมาต่ำกว่าระดับ 1,550 จุด ให้ขายก่อนแล้วค่อยสะสมใหม่เมื่อดัชนีฯสามารถยืนได้ ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,580 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,112.41 ล้านบาท ปิดที่ 147.00 บาท ลดลง 5.00 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,863.64 ล้านบาท ปิดที่ 42.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
AOT มูลค่าการซื้อขาย 1,748.29 ล้านบาท ปิดที่ 74.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 1,679.10 ล้านบาท ปิดที่ 214.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท
IVL มูลค่าการซื้อขาย 1,621.37 ล้านบาท ปิดที่ 32.00 บาท ลดลง 1.75 บาท