BBL เชื่อซื้อ"เพอร์มาตา"คุ้มค่าโอกาสธุรกิจธนาคารในอินโดฯเติบโตสูงแม้มูลค่าหากเทนเดอร์ฯ100% ราว 9 หมื่นลบ.ไม่กระทบปันผล

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday December 12, 2019 20:12 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเดชา ตุลานันท์ ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ (BBL) เปิดเผยว่า ธนาคารตัดสินใจเข้าซื้อกิจการธนาคาร พีที เพอร์มาตา ทีบีเค ซึ่งเป็นธนาคารที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 12 ของอินโดนีเซีย ด้วยมูลค่าประมาณ 8.1 หมื่นล้านบาทในการเข้าถือหุ้นเบื้องต้นในสัดส่วน 89.12% วัตถุประสงค์เป็นการขยายตลาดทางด้านการเงินรองรับการทำธุรกรรมของลูกค้ารายใหญ่ในประเทศไทยที่ไปลงทุนในอินโดนีเซีย และลูกค้าในอินโดนีเซียที่ต้องการเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ซึ่งเป็นการสร้างเครือข่ายของธนาคารเพิ่มความสะดวกในการบริการให้กับลูกค้ามากขึ้น และทำให้ BBL ก้าวขึ้นเป็นธนาคารระดับภูมิภาค

การเข้าซื้อกิจการธนาคารเพอร์มาตาจะส่งผลให้ BBL มีใบอนุญาตการดำเนินธุรกิจธนาคารพาณิชย์อย่างเต็มรูปแบบ ขณะที่มีธุรกิจรายย่อยและเอสเอ็มอีเข้ามาเสริม หลังจากที่ธนาคารได้เข้าไปเปิดสาขาในอินโดนีเซียตั้งแต่ พ.ศ.2511 ในรูปแบบ Corporate Banking ซึ่งมีจำนวน 3 สาขาในปัจจุบัน ดังนั้น ดีลดังกล่าวจะทำให้ BBL สามารถดำเนินธุรกิจธนาคารพาณิชย์ในอินโดนีเซียได้อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งธนาคารเพอร์มาตามีสาขามากกว่า 130 สาขา และมีตู้เอทีเอ็มรองรับการบริการกว่า 1,000 แห่ง ซึ่งจะสามารถอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าของ BBL ได้

นายชาญศักดิ์ เฟื่องฟู กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ กรรมการบริหาร BBL กล่าวว่า ธุรกิจธนาคารในอินโดนีเซียยังมีโอกาสในการเติบโตอีกมากเมื่อเทียบกับธุรกิจธนาคารในประเทศไทย เนื่องจากอินโดนีเซียมีการลงทุนจากทั้งในประเทศและต่างประเทศเป็นจำนวนมาก มีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจสูงอย่างต่อเนื่อง และรายได้ต่อหัวของประชากรมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ประกอบกับ ไลฟ์สไตล์ของประชากรในอินโดนีเซียเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงไปเป็นสังคมเมืองมากขึ้น ขณะที่อัตราการเข้าถึงการใช้บริการธนาคารยังอยู่ไนระดับต่ำที่ 38-39% เมื่อเทียบกับประเทศไทยที่สูงถึงกว่า 80% ทำให้โอกาสการขยายธุรกิจธนาคารในอินโดนีเซียยังมีอยู่มาก

ด้านผลงานของธนาคารเพอร์มาตาในช่วงที่ผ่านมาถือว่ามีผลการดำเนินงานที่ดี และมีส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ย (NIM) สูงกว่า 3% มากกว่า NIM ในประเทศไทยที่เฉลี่ยอยู่ในระดับ 2.1% ทำให้ธนาคารมองว่าดีลดังกล่าวมีความคุ้มค่าในการลงทุนที่คาดว่าจะได้รับผลตอบแทนกลับมาในระดับที่ดี และได้ราคาที่เหมาะสม ซึ่งทำให้ธนาคารมีสัดส่วนถือหุ้นถึง 89.12% มีอำนาจในการบริหารงานอย่างเต็มที่

อย่างไรก็ตาม BBL ยืนยันว่าการเข้าซื้อกิจการธนาคารเพอร์มาตาจะไม่กระทบต่อผลการดำเนินงานของธนาคาร และไม่กระทบต่อการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้น เนื่องจากเงินที่ใช้ในการลงทุนครั้งนี้จะมาจากกระแสเงินสดของธนาคาร และกำไรจากการดำเนินงาน ซึ่งเพียงพอรองรับดีลดังกล่าวโดยไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุน

นายชาญศักดิ์ กล่าวว่า ขั้นตอนการเข้าซื้อธนาคารเพอร์มาตาจะเสร็จสิ้นในปี 63 โดยในช่วงต้นเดือน ม.ค. 63 จะมีการประชุมคณะกรรมการบริหาร BBL หลังจากนั้นจะขออนุมัติในที่ประชุมผู้ถือหุ้น และขออนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามลำดับ โดยหลังจากที่ดีลดังกล่าวแล้วเสร็จจะทำให้ธนาคารกรุงเทพมีสินทรัพย์เพิ่มเป็น 3.3 ล้านล้านบาท จากปัจจุบัน 3 ล้านล้านบาท และมีสัดส่วนสินเชื่อต่างประเทศเพิ่มเป็น 25% ของสินเชื่อทั้งหมด จากปัจจุบันอยู่ที่ 17%

ทั้งนี้ BBL ระบุว่าการทำสัญญาเข้าซื้อหุ้นธนาคารเพอร์มาตาจากธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด และ พีที แอสทร่า อินเตอร์เนชั่นแนล ทีบีเค ในสัดส่วน 89.12% มีมูลค่าราว 8.1 หมื่นล้านบาท หลังจากนั้นจะดำเนินการทำคำเสนอซื้อหุ้นส่วนที่เหลือทั้งหมดของธนาคารเพอร์มาตาอีก 10.88% โดยการเข้าถือหุ้น 100% จะมีมูลค่าเบื้องต้นประมาณ 90,909 ล้านบาท

ด้านนายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ BBL กล่าวว่า จากประสบการณ์โดยตรงในการดำเนินธุรกิจในอินโดนีเซีย และความเข้าใจในภาคธุรกิจธนาคารอย่างลึกซึ้ง เชื่อมั่นว่าธุรกิจธนาคารในอินโดนีเซียมีการเติบโตที่น่าสนใจ โดยที่ยังคงรักษาอัตราผลกำไรที่ดี เพอร์มาตาจะเป็นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่ง ซึ่งช่วยเสริมเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ของธนาคาร ด้วยช่องทางการให้บริการที่กว้างขวาง ความโดดเด่นของฐานเงินฝากและชื่อเสียงของธนาคาร ตลอดจนความสามารถด้านเทคโนโลยีดิจิทัลขั้นสูง เรามีความยินดีที่จะได้ทำงานและสนับสนุนผู้บริหารและพนักงานของเพอร์มาตา เพื่อให้เพอร์มาตาก้าวหน้าขึ้นไปในอีกระดับ

"การรวมกันระหว่างสองธนาคาร ก่อให้เกิดการประสานพลังความร่วมมืออย่างชัดเจน ด้วยการใช้ประโยชน์จากเครือข่ายต่างประเทศที่ครอบคลุมอย่างกว้างขวางของธนาคารกรุงเทพในเอเชีย และความสามารถในการเชื่อมโยงเครือข่ายต่างประเทศ ทั้งหมดนี้จะช่วยให้ลูกค้าของเพอร์มาตาสามารถเข้าถึงตลาดสำคัญทั่วทั้งภูมิภาค เพื่อพร้อมรับการเชื่อมโยงระหว่างประเทศในอาเซียน และกับภูมิภาคจีนที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ เป็นที่น่ายินดีอย่างยิ่งว่า แอสทร่าจะยังคงความเป็นพันธมิตรในการทำธุรกิจและให้การสนับสนุนร่วมกับเพอร์มาตาต่อไป" นายชาติศิริ กล่าว

BBL ยังเปิดเผยว่า การทำธุรกรรมครั้งนี้ มอร์แกน สแตนลีย์ เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ