(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้รีบาวด์ตามต่างประเทศขานรับข่าวสหรัฐ-จีนบรรลุดีลการค้าเฟสแรก,อังกฤษเดินหน้า Brexit

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday December 13, 2019 09:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะรีบาวด์ในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ต่างปรับตัวขึ้นมากกว่า 1% เช่นเดียวกับตลาดสหรัฐฯปรับขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา ขานรับความคืบหน้าเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังมีรายงานข่าวออกมาว่าสหรัฐบรรลุข้อตกลงในหลักการสำหรับดีลการค้าเฟสแรกกับจีนแล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนตามกำหนดเส้นตายในวันที่ 15 ธ.ค.นี้ ซึ่งข้อตกลงนี้ครอบคลุมถึงการที่จีนให้คำมั่นว่าจะซื้อสินค้าเกษตรจากสหรัฐเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังได้มีการหารือกันเกี่ยวกับการลดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนที่มีผลบังคับใช้ไปแล้วก่อนหน้านี้

ส่วนผลการเลือกตั้งอังกฤษก็ปรากฏพรรคอนุรักษ์นิยมชนะด้วยคะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่ง ทำให้คาดว่าจะยังเดินหน้าขั้นตอนการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ส่วนผลประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) คงอัตราดอกเบี้ย และส่งสัญญาณตรึงอัตราดอกเบี้ยในระยะต่อไป รวมถึงเดินหน้าซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในวงเงิน 2 หมื่นล้านยูโร/เดือน

อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามยอดค้าปลีกของสหรัฐฯ และสัปดาห์หน้าจะมีการประกาศตัวเลข PMI ภาคการผลิตเบื้องต้นของหลายประเทศสำคัญ

พร้อมให้แนวรับ 1,560 จุด ส่วนแนวต้าน 1,570-1,575 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (12 ธ.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 28,132.05 จุด พุ่งขึ้น 220.75 จุด(+0.79%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,168.57 จุด เพิ่มขึ้น 26.94 จุด (+0.86%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,717.32 จุด เพิ่มขึ้น 63.27 จุด (+0.73%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 385.75 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 22.08 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 500.37 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 101.48 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 27.28 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 16.47 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 9.17 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (12 ธ.ค.62) 1,563.85 จุด เพิ่มขึ้น 12.03 จุด (+0.78%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,873.43 ล้านบาท เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.62
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ม.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (12 ธ.ค.62) ปิดที่ระดับ 59.18 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 42 เซนต์ หรือ 0.7%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (12 ธ.ค.) อยู่ที่ -0.14 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 30.16 แข็งค่าตามตลาดเกิดใหม่รับข่าวสหรัฐ-จีนจ่อตกลงการค้าเฟสแรก
  • แบงก์กรุงเทพประกาศทุ่มเงินกว่า 9 หมื่นล้าน ซื้อกิจการแบงก์ "พีที เพอร์มาตา" ของอินโดนีเซีย เป็นดีลซื้อแบงก์ต่างชาติใหญ่สุดของไทย หวังต่อยอดกลยุทธ์เชื่อมโยงภูมิภาค สร้างผลตอบแทนให้ธนาคารในระยะยาว คาดปิดดีลไตรมาส 3 ปีหน้า หนุนสิ้นปีสินทรัพย์แบงก์พุ่งทันทีแตะ 3.3 ล้านล้าน ดันสินเชื่อต่างประเทศพุ่งเป็น 25% จากปัจจุบัน ที่ 17% ยันเงินทุนเพียงพอ ไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุน
  • "เอสแอนด์พี" ปรับมุมมองเศรษฐกิจไทยสู่เชิงบวกครั้งแรกรอบ 9 ปี ระบุ 4 เหตุผลหลัก ฐานะการคลังเข้มแข็ง การเมืองมีเสถียรภาพ "สมคิด" ยันเศรษฐกิจไทยแข็งแกร่งกว่าหลายชาติ ชี้ไม่มีปัญหาหนี้สาธารณะ มีช่องว่างดันนโยบายรัฐต่อเนื่อง
  • คลัง การันตีไตรมาส 4/62 จีดีพีโตแจ่มสุดในรอบปีที่ 3.2% อานิสงส์มาตรการกระตุ้น ปลื้มบริษัทจัดอันดับขยับความน่าเชื่อถือเพิ่มครั้งแรกรอบ 9 ปี กรุงศรีฯ ประเมินเงินบาทปีหน้ายังแข็งค่า
  • ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ยืนยันการบังคับใช้ พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ.2562 ยังจะเริ่มวันที่ 1 ม.ค.63 เหมือนเดิม เพียงแต่จะเลื่อนเวลาชำระภาษีเฉพาะปี 63 ออกไป 4 เดือนจากเดิมต้องชำระในช่วงเดือน เม.ย. ออกไปเป็นต้องชำระภาษีในเดือน ส.ค. เนื่องจากขณะนี้ยังมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) บางแห่งยังสำรวจบัญชีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่ของตนเองไม่แล้วเสร็จ ทำให้ไม่สามารถส่งข้อมูลมายังส่วนกลาง เพื่อประเมินการจัดเก็บภาษีแต่ละท้องที่ได้ สำหรับสาเหตุที่ทำให้การจัดเก็บภาษีที่ดินต้องล่าช้า เนื่องจากการออกกฎหมายลูก เพื่อรองรับการบังคับใช้ พ.ร.บ. ยังไม่แล้วเสร็จ โดยเหลือบางฉบับที่ต้องมีการลงนามร่วมกันระหว่าง รมว.คลัง และ รมว.มหาดไทย ที่มีด้วยกัน 5 ฉบับ

*หุ้นเด่นวันนี้

  • BBL (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 187 บาท ดีลซื้อหุ้น 89.12% ใน PT Bank Permata Tbk อินโดนีเซีย ที่ PBV 1. 77 เท่า หรือ 8.1 หมื่นลบ. โดยธนาคารระบุว่าไม่เพิ่มทุนน่าจะทำให้นักลงทุนสบายใจขึ้น ด้านเงินกองทุนล่าสุดที่มีเกือบ 5 แสนลบ.เพียงพอสำหรับดีลนี้ หลังการซื้อ CAR ratio จะลดจาก 20% เป็น 18% (หากรวมผลกำไรจนถึงก่อนวันซื้อกิจการ หรือ 9M63) และสูงกว่าอัตราขั้นต่ำของธปท.ที่ 12% ไม่ส่งผลต่อการขยายสินเชื่อในระยะถัดไป ดีลนี้เป็นดีที่ดี อินโดฯมีขนาดศก.ใหญ่สุดในอาเซียน ประชากร 267 ล้านคน คาดเพิ่มกำไรให้ 9% เพิ่ม ROE จาก 7.8% เป็น 8.4% ในปี 64 แต่กระทบ Book value น้อยมาก ล่าสุด BBL ซื้อขายที่ PBV 0.72x, PE 9x ถูกเกินไป
  • TU (กรุงศรี) "ซื้อเก็งกำไร"เป้า 18.1 บาท ราคาร่วงแรงสะท้อนข่าวร้ายไปมากแล้ว มอง Downside เริ่มจำกัด วันนี้ได้ Sentiment บวกค่าเงินบาทอ่อนค่าเมื่อเทียบกับ EURO น่าจะหนุนให้รายได้เมื่อแลกเป็นเงินบาทเพิ่มขึ้น ขณะที่สถานการณ์ของต้นทุนปลาทูน่ายังทรงตัวอยู่ในระดับ 900 เหรียญ/ตัน (ธ.ค.61 อยู่ที่ 1,400 เหรียญ/ตัน) หนุน Margin เพิ่มขึ้น

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ