โบรกฯ เชียร์"ซื้อ"M คาดผลงานเริ่มฟื้นตัว Q4/62-ปี 63 เข้าช่วง High season รวมกิจการ"แหลมเจริญ"หนุน

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday December 23, 2019 15:10 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์ เชียร์"ซื้อ"หุ้น บมจ.เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป (M) แม้ผลงานช่วงที่ผ่านมายังไม่สดใส แต่มองแนวโน้มผลประกอบการเริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ไตรมาส 4/62 ต่อเนื่องจนถึงปี 63 หลังจากผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว โดยคาดว่าการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ฟื้นตัวรับ High season ประกอบกับรับรู้ผลประกอบการจากการรวมงบของ"แหลมเจริญ"เข้ามาในไตรมาสนี้และรับรู้เต็มปีในปีหน้า

พร้อมกันนั้นยังมองผลงานจะเติบโตอย่างโดดเด่นในปี 63 นอกเหนือจากการรับรู้"แหลมเจริญ"เข้ามาแล้ว ยังได้รับผลกระจากการทำสัญญาซื้อวัตถุดิบเนื้อสัตว์ล่วงหน้าในช่วงที่ราคาอ่อนตัวจะช่วยหนุนกำไรขั้นต้นให้ปรับตัวดีขึ้น

ขณะที่ราคาหุ้นที่ผ่านมาปรับตัวลดลงมาถึง 12% ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ถือว่ามาอยู่ในระดับที่น่าสนใจ

ราคาหุ้น M อยู่ที่ 69.50 บาท ลดลง 0.25 บาท (-0.36%) ขณะที่ SET +0.11%

โบรกเกอร์                 คำแนะนำ                  ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
กสิกรไทย                    ซื้อ                              78.00
ฟิลลิป                       ซื้อ                              80.00
ฟินันเซีย ไซรัส                ซื้อ                              84.00

น.ส.สุรีย์พร ทีวะสุเวทย์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า ผลประกอบการระยะสั้นของ M ยังไม่ค่อยสดใสมากนัก เนื่องจากไตรมาส 3/62 ที่ผ่านมาการเติบโตยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ยังติดลบต่อเนื่องมาถึงเดือนต.ค.-พ.ย.62 ทั้ง 2 แบรนด์คือยาโยอิและเอ็มเคสุกี้

อย่างไรก็ดี เชื่อว่าผลประกอบการในไตรมาส 4/62 น่าจะสามารถฟื้นตัวและเติบโตได้เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 3/62 และพ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว แต่ยังเติบโตได้ไม่มากนักเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเนื่องจากผลกระทบของการเติบโตยอดขายของสาขาเดิม เนื่องจากเป็นช่วง High Season ประกอบกับมี upside จากการรวมงบของกิจการแหลมเจริญเข้ามาในช่วงไตรมาสที่ 4/62 ประมาณ 2 เดือน คาดว่าจะทำให้ผลประกอบการสามารถฟื้นตัวได้บ้าง

ส่วนแนวโน้มในปี 63 มองว่าภาพรวมของผลประกอบการจะมีการฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญในไตรมาส 2/63 เนื่องจากมีการรวมงบจากกิจการแหลมเจริญเข้ามา และการฟื้นตัวของ SSSG อย่างไรก็ดียังต้องติดตามผลกระทบจากมาตรฐานบัญชีใหม่ (IFRS 16) ในไตรมาส 1/63 เนื่องจากบริษัทมีการเช่าพื้นที่เพื่อเปิดสาขาจำนวนมาก

และคาดต้นทุนวัตถุดิบยังอยู่ในระดับต่ำเพราะในช่วงไตรมาส 4/62 กำลังจะเจรจาล็อกราคาเนื้อสัตว์ล่วงหน้าของปีหน้า ซึ่งช่วงนี้ราคาเนื้อสัตว์อ่อนตัวลงพอดี น่าจะหนุนอัตรากำไรขั้นต้นดีต่อเนื่องในปีหน้า

"ราคาหุ้นของ M ที่ผ่านมามีการปรับตัวลดลงมาพอสมควร โดยเราแนะนำเป็นซื้อลงทุนที่ราคาเป้าหมาย 84 บาทต่อหุ้น จากแนวโน้มผลประกอบการมีการฟื้นตัวได้แม้ยังไม่ pick up เป็น V-shape" น.ส.สุรีย์พร กล่าว

ด้าน บล.กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์ว่า มีการปรับคำแนะนำเป็น "ซื้อ" จากถือ จากเชื่อว่ากำไรได้แตะจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาสที่ 3/62 และคาดว่าอัตราการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) และกำไรจะปรับดีขึ้นในไตรมาส 4/62 ประกอบกับคาดถึงการเติบโตของกำไรที่จะเร่งตัวขึ้นในปี 63 จากการรวมงบการเงินของกิจการแหลมเจริญเข้ามาในไตรมาส 4/62 และจากแผนการขยายสาขาของบริษัท

นอกจากนี้เชื่อว่า M มีความอ่อนไหวน้อยต่อกระแสธุรกิจบริการจัดส่งอาหารน้อยกว่าผู้เล่นรายอื่น และราคาหุ้นได้ปรับตัวลดลงไป 12% ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา (เทียบกับ SET ที่ -2%) ทำให้มูลค่าหุ้นในปัจจุบันค่อนข้างน่าดึงดูดด้วยการซื้อขายในเชิง PER ปี 63 ที่ 21.6 เท่า (-0.5SD) พร้อมกับคาดการณ์ว่าจะมีอัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่ 4.2% สำหรับปี 63

ขณะที่บทวิเคราะห์บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุว่า แนวโน้มการดำเนินงานปี 63 คาดว่าการฟื้นตัวคงไม่มากจากกำลังซื้อที่หดตัว แต่คาดว่าจะไม่มีค่าใช้จ่ายพิเศษเกิดขึ้นอย่างในปี 62 รวมถึงการรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจากบริษัทร่วมลดลงทำให้การดำเนินงานดีขึ้นเล็กน้อย

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการดำเนินงานปี 63 คาดกำไรสุทธิ 2,634 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 5% จากปีนี้ และยอดขาย 17,995 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% จากปีนี้ โดยยังไม่รวมผลการดำเนินงานของแหลมเจริญเข้ามาเนื่องจากยังไม่ทราบรายละเอียดที่ชัดเจนของทั้งยอดขายและกำไรในบริษัทดังกล่าว จะมีเพียงการดำเนินงานจากธุรกิจปัจจุบันเท่านั้น และคาดยังคงรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไว้ดังเดิม แต่หากไม่มีค่าใช้จ่ายพิเศษ และคาดการรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจากบริษัทร่วมจะลดลง

ส่วนการดำเนินงานในไตรมาส 4/62 คาดจะฟื้นตัวจากไตรมาส 3/62 จากการรวมการดำเนินงานของแหลมเจริญที่จะรับรู้การดำเนินงานเข้ามา 2 เดือนสุดท้ายของไตรมาส 4/62 อีกทั้งค่าใช้จ่ายพิเศษในการเปลี่ยนแบบฟอร์มพนักงานคาดจะลดลง

แต่จากการดำเนินงาน 9 เดือนที่ผ่านมาต่ำกว่าคาดทำให้ทางฝ่ายปรับลดประมาณการลงจากเดิม ปรับยอดขายลงเหลือ 17,206 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 3% จากปีก่อน และแนวโน้ม margin ทรงตัว ขณะที่ปรับค่าใช้จ่ายขายและบริหารเพิ่มจากค่าใช้จ่ายแบบฟอร์มพนักงาน รวมถึงส่วนแบ่งขาดทุนจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น ปรับกำไรสุทธิเป็น 2,519 ล้านบาทลดลง 2% จากปีก่อน (ภายใต้สมมติฐานที่ไม่รวมการดำเนินงานของแหลมเจริญเข้ามา)

แม้กระแสการส่งอาหารตามบ้านจะส่งผลกระทบต่อการขายไปบ้าง แต่คาดว่า M ยังเติบโตได้จากการเป็นร้านอาหารครอบครัวที่ยังเป็นที่นิยมของตลาด อีกทั้งยังมีส่วนช่วยจากการรวมการดำเนินงานของแหลมเจริญเข้ามา


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ