(เพิ่มเติม) BCP ตั้งงบ 5 ปี (63-67) ที่ 5 หมื่นลบ.เพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจพร้อมมองหาโอกาสลงทุน, ตั้งเป้า EBITDA โต 2.5 เท่า

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday December 23, 2019 18:02 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) เปิดเผยว่า ตามแผนยุทธศาสตร์ปี 2563-2567 กลุ่มบริษัทฯ ได้เตรียมกลยุทธ์ในการพัฒนาศักยภาพและโอกาสทางธุรกิจ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในกระบวนการต่างๆ โดยจะใช้เงินลงทุน 50,000 ล้านบาทสำหรับพัฒนาและขยายธุรกิจ พร้อมตั้งเป้า EBITDA เติบโต 2.5 เท่า ภายใน 5 ปีข้างหน้า หรือภายในปี 67

สำหรับเงินลงทุน 5 ปีดังกล่าวส่วนใหญ่จะเน้นลงทุนธุรกิจผลิตไฟฟ้าราว 60-70% เพราะเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้อย่างมั่นคง ส่วนที่เหลือจะเป็นการลงทุนธุรกิจอื่นทั้งโรงกลั่น และการตลาดค้าปลีก และอื่น ๆ ส่วนงบลงทุนในผลิตภัณฑ์ชีวภาพ ที่ดำเนินการโดยบมจ.บีบีจีไอ (BBGI) นั้นไม่ได้รวมอยู่ในแผนงาน เพราะ BBGI มีแผนที่จะระดมทุนด้วยการนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯซึ่งคาดว่าจะมีขึ้นในปี 63

ทั้งนี้ ใน 5 ปีข้างหน้าวางเป้าหมายจะมีสัดส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย ( EBITDA) เทียบกับปีนี้ เป็นดังนี้ ธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ 33% จาก 0% ,โรงกลั่นและการค้าน้ำมัน 29% จาก 42% ,การตลาด 15% จาก 24% ,ผลิตไฟฟ้า 15% จาก 26% และธุรกิจชีวภาพ ทรงตัวที่ราว 8%

นายชัยวัฒน์ คาดว่า EBITDA ในปี 63 จะเพิ่มขึ้นจากที่หดตัวต่อเนื่อง 2 ปีซึ่งรวมถึงปีนี้ หลังในช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ทำ EBITDA ได้ราว 6.3 พันล้านบาทเท่านั้น เนื่องจากเผชิญกับปัจจัยลบที่เข้ามากระทบ 4-5 ปัจจัย ทั้งค่าการกลั่น (GRM) ที่ลดลง ,ขาดทุนสต็อกน้ำมัน ,ค่าเงินบาทที่แข็งค่าราว 10% ,ราคาพืชผลเกษตรตกต่ำ เป็นต้น

ส่วนปีหน้าคาดว่าสถานการณ์ต่าง ๆ จะเริ่มดีขึ้น โดยมองราคาน้ำมันน่าจะผันผวนเคลื่อนไหวราว 60 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล หลังแนวโน้มเศรษฐกิจโลกยังไม่ดีมากนัก ขณะที่ค่าการกลั่นน่าจะยังผันผวนอยู่ ซึ่งจะต้องจับตาอย่างใกล้ชิด ส่วนเงินบาทอาจจะอยู่ในแข็งค่าแต่ไม่น่าจะแข็งค่ามากเหมือนปีนี้

อย่างไรก็ตาม ปี 63 บริษัทคาดว่าปริมาณกลั่นน้ำมันจะลดลงเหลือราว 1.04-1.05 แสนบาร์เรล/วัน จากราว 1.13 แสนบาร์เรล/วันในปีนี้ เนื่องจากมีแผนหยุดซ่อมบำรุงโรงกลั่นราว 40 วัน ในช่วงเดือนก.ย.-ต.ค.63 แต่ขณะเดียวกันก็ตั้งเป้าลดค่าใช้จ่ายจากการปรับปรุงกระบวนการดำเนินงานของโรงกลั่นตามโครงการ Rocket ให้ได้ไม่น้อยกว่า 900 ล้านบาทภายในสิ้นปี 63 จากราว 200 ล้านบาทในปีนี้

"ปีนี้มีพายุเข้ามา 4-5 ลูก ทั้งราคาน้ำมัน ค่าการกลั่น อัตราแลกเปลี่ยน เมื่อพายุลูกใหญ่พัดผ่านไป ก็อาจจะมีหางพายุหลงเหลือบ้าง ผลกระทบน่าจะยังผันผวนอยู่ในปีหน้า ซึ่งยังมีความท้าทายอยู่"นายชัยวัฒน์ กล่าว

นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน ยังคงมีแผนยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันและเพิ่มกำลังการกลั่นให้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องถึง 1.2 แสนบาร์เรล/วัน ภายในปี 63 พร้อมศึกษาการลงทุนเพื่อปรับเป็นมาตรฐานยูโร 5 ทั้งโรงกลั่น คาดจะใช้เงินลงทุนราว 5-6 พันล้านบาท ซึ่งคาดว่าสรุปในปี 63 และเริ่มลงทุนได้ในช่วงปลายปี แล้วเสร็จในปี 66

ส่วนธุรกิจการค้าน้ำมันโดย บริษัท BCP Trading จำกัด ซึ่งมีผลการดำเนินงานดีขึ้นจากปีก่อนทั้งด้านปริมาณ การค้าและธุรกรรมการซื้อขายน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์ รวมทั้งมีธุรกรรมกับบริษัทคู่ค้าใหม่เพิ่มขึ้น จะขยายธุรกิจ โดยเพิ่มยอดการจัดซื้อและจัดจำหน่ายน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์ ให้อยู่ในระดับ 2.5 แสนบาร์เรล/วัน จากปัจจุบัน 6.8 หมื่นบาร์เรล/วัน ในรูปแบบ Out-Out Trading ซึ่งเป็นการจัดซื้อและจำหน่ายสินค้าในต่างประเทศโดยไม่นำเข้าประเทศไทย ในสัดส่วน 50%

กลุ่มธุรกิจการตลาด ปัจจุบันแบรนด์บางจากฯ มีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ในอันดับ 2 และมียอดขายเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 62 สามารถทำส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดเป็นประวัติการณ์อยู่ที่ 16% และมีเป้าหมายเพิ่มเป็น 18% ในปี 67 ซึ่งในปีหน้ามีแผนใช้เงินลงทุนราว 2 พันล้านบาท เพื่อขยายสถานีบริการน้ำมันอีก 60 แห่ง ทำให้สิ้นปี 63 เพิ่มเป็น 1,260 แห่ง ,ปรับปรุงสถานีบริการน้ำมัน , ร้านสะดวกซื้อ SPAR และร้านกาแฟอินทนิล เป็นต้น

กลุ่มธุรกิจผลิตไฟฟ้า โดย บมจ.บีซีพีจี (BCPG) วางเป้าหมายจะมีกำลังผลิตไฟฟ้าเพิ่มเป็น 1,000 เมกะวัตต์ (MW) ภายใน5 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันที่มี 403.5 เมกะวัตต์ มีธุรกิจครอบคลุม 5 ประเทศ ได้แก่ ไทย ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และลาว โดยยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจ ตั้งเป้า EBITDA เติบโตเฉลี่ยปีละ 15% ใน 5 ปีข้างหน้า

กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ โดย BBGI ได้ขยายกำลังการผลิตเอทานอล จากโรงงานที่อำเภอบ่อพลอย จังหวัดกาญจนบุรี จาก 2 แสนลิตร/วันเป็น 3 แสนลิตร/วัน และขยายกำลังการผลิตไบโอดีเซล จาก 9.3 แสนลิตร/วันเป็น 1 ล้านลิตร/วัน รวมทั้งมีโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและดำเนินโครงการก่อสร้างโรงกลั่นกลีเซอรีนให้บริสุทธิ์ ถือเป็นธุรกิจและจำหน่ายเชื้อเพลิงชีวภาพที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยที่มีความพร้อม ขณะเดียวกันเตรียมประกาศแผนธุรกิจไบโอชีวภาพในต้นปี 63 ซึ่งจะมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชีวภาพมูลค่าสูง ทั้งด้านไบโอพลาสติก วัสดุชีวภาพ ฯลฯ

กลุ่มธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ บริษัทได้ถือหุ้นเป็นอันดับ 2 ใน Lithium Americas Corp. ธุรกิจต้นน้ำของธุรกิจแบตเตอรี่ ซึ่งปัจจุบันมีกำลังการผลิตแร่ลิเทียมในเฟสที่ 1 เพิ่มขึ้นจาก 25,000 ตัน/ปี เป็น 40,000 ตัน/ปี ซึ่งจะมีผลผลิตออกมาในช่วงไตรมาส 1/64 รวมทั้งได้รับสิทธิ์ในการรับผลิตภัณฑ์จากแผนการจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ในปี 64 ไปจำหน่ายเป็นจำนวน 6,000 ตัน/ปี ซึ่งปริมาณแร่ลิเทียมดังกล่าว เพียงพอสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าประมาณ 120,000 คัน

นอกจากนี้ ธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมผ่านบริษัท OKEA ที่นอร์เวย์ มีแหล่งน้ำมันดิบ Yme และ Grevling ในทะเลเหนือที่จะเริ่มเปิดดำเนินการเพิ่มเติม ซึ่งจะทำให้มีกำลังผลิตจากแหล่งน้ำมันดิบ 5 แหล่ง รวม 2 หมื่นบาร์เรล/วัน และบริษัท จะยังคงแสวงหาแหล่งน้ำมันดิบและพลังงานใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ