หุ้น AOT ปรับลง 1% มาที่ 74.25 บาท หรือลดลง 0.75 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 274.29 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.07 น. โดยราคาหุ้นเปิดตลาดที่ 74.50 บาท ราคาทำระดับสูงสุดที่ 74.50 บาท และทำระดับต่ำสุดที่ 74 บาท
วานนี้ คณะกรรมการบมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) หรือ ทอท. อนุมัติผลการคัดเลือกการให้สิทธิประกอบกิจการจำหน่ายสินค้าปลอดอากร ณ ท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.) โดยให้ บริษัท คิง เพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด เป็นผู้ได้รับสิทธิประกอบกิจการฯเป็นระยะเวลา 10 ปี 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.65-31 มี.ค.76 ซึ่งผู้ได้รับสิทธิประกอบกิจการฯ ได้เสนอค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำรายปี (Minimum Guarantee) ปีแรก เป็นจำนวนเงินกว่า 1.5 พันล้านบาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)
ด้าน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า มองเป็นลบต่อผลตอบแทนที่ AOT ได้รับเนื่องจาก consensus คาด Minimum Guarantee ปีแรกที่ 5-6 พันล้านบาท เพราะมีการประเมินรายได้ดิวตี้ฟรีดอนเมืองในปี 62 คลาดเคลื่อนเป็น 2.4 พันล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่รวมรายได้จาก pick up counter หากคิดเฉพาะรายได้จากดิวตี้ฟรีจะอยู่ที่ประมาณ 1-1.2 พันล้านบาท ดังนั้น การประเมินจะมีผลกระทบต่อกำไรสุทธิปี 65/65 (ต.ค.65-ก.ย.66) เพิ่มขึ้นจากเดิมไม่เกิน 1% และจะกระทบต่อราคาเป้าหมายเพิ่มขึ้นเล็กน้อยราว 0.16-0.54 บาท/หุ้น เท่านั้น ซึ่งผลกระทบค่อนข้างจำกัด ขณะที่ผลการประมูลดิวตี้ฟรีดอนเมืองที่ผิดหวังอาจจะทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลงได้
ทั้งนี้ ราคาหุ้น AOT ปรับขึ้นและ outperform SET +6% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา จากผู้โดยสารที่กลับมาฟื้นตัว แต่ปรับตัวลงและ underperform SET -5% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา จากความเสี่ยงที่ AOT อาจต้องแบ่งรายได้ที่จัดเก็บจากค่าบริการผู้โดยสารขาออก (Passenger Service Charge : PSC) ไม่เกิน 10% เข้ากองทุนฯ ของกรมท่าอากศยาน (ทย.) ซึ่งประเมินว่าผลกระทบต่อมูลค่าสูงสุดไม่เกิน 5 บาท หรือราคาเป้าหมายจะอยู่ที่ 83.00 บาท โดยปัจจุบันยังต้องรอสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตีความ ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลา 3-6 เดือน ซึ่งเป็นปัจจัย overhang ราคาหุ้นจนกว่าจะมีความชัดเจน
อย่างไรก็ตาม AOT ยังมีความน่าสนใจในระยะยาวจากการเติบโตของรายได้ non-aero และคาดว่ากำไรสุทธิในปี 63/64 จะเติบโตโดดเด่น 40% YoY ซึ่งจะทำให้ระยะยาวหุ้น AOT ยังเพิ่มขึ้นได้