นายวิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บล.เคทีบี (ประเทศไทย) (KTBST) เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเดินหน้าแผนการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยคาดว่าจะสามารถยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ภายในปี 63 เนื่องจากปัจจุบันผลประกอบการของบริษัทได้ตรงตามเกณฑ์ทั้งหมดแล้ว รอเพียงการตรวจสอบของ ก.ล.ต.ให้แล้วเสร็จก่อนเท่านั้น
ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้ปรับโครงสร้างธุรกิจด้วยการตั้ง บมจ.เคทีบีเอสที โฮลดิ้ง (KTBST Holding) ขึ้น เพื่อขยายธุรกิจให้เป็นสถาบันการเงินครบวงจรมากยิ่งขึ้น และเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน รองรับการขยายตัวของทุกธุรกิจในกลุ่ม รวมไปถึงการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงและผลกระทบด้านเทคโนโลยี (Digital Disruption) และคู่แข่งใหม่ๆ
"ภาพรวมในปี 62 จะเห็นได้ว่าตลาดเงิน และตลาดทุน อาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยต่างประเทศที่ส่งผลให้การลงทุนมีความผันผวนตลอดทั้งปี อีกทั้งยังกระทบต่อเศรษฐกิจของไทยที่ชะลอตัวลง แต่จากการดำเนินธุรกิจของทั้งกลุ่มธุรกิจของ KTBST ที่หลากหลายและมีความพร้อมในธุรกิจทางการเงิน จึงทำให้บริษัทยังสามารถเติบโตและยังมีผลกำไร
และในปี 63 เชื่อว่าภาวะตลาดการเงินที่เปลี่ยนแปลงรวดเร็วจะทำให้นักลงทุนจะมองหาบริการทางการเงินที่ตรงกับความต้องการของตนเองและเหมาะสมกับภาวะการลงทุน ซึ่งกลุ่มบริษัท KTBST ยังเดินหน้าให้บริการในฐานะสถาบันเงินที่เชี่ยวชาญด้านพัฒนาธุรกิจด้วยการมีธรรมาภิบาลที่โปร่งใสสามารถตรวจสอบได้ ในการให้บริการลูกค้าแบบครบวงจร พร้อมด้วยบุคลากรที่เชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษาด้านการลงทุนควบคู่ไปกับการมีผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่หลากหลายทั้งในและต่างประเทศ"นายวิน กล่าว
สำหรับผลประกอบการในปี 63 บริษัทตั้งเป้ากำไรสุทธิจะกลับมาเติบโตมากกว่า 243% จากปีนี้ที่คาดว่ากำไรจะต่ำกว่าปี 61 ที่มีกำไรสุทธิ 62.31 ล้านบาท หลังจากช่วง 11 เดือนแรกของปี 62 มีกำไรเพียง 29.61 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทมีการลงทุนในธุรกิจใหม่ ๆ เพิ่มเติม ส่งผลให้มีค่าใช้จ่ายมากขึ้น ขณะที่ธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์และอนุพันธ์มองว่ายังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีเมื่อเทียบกับบริษัทอื่น ๆ เนื่องจากรายได้ของบริษัทหลักทรัพย์ส่วนใหญ่ลดลงถึง 50%
ทั้งนี้ ภาพรวมในปีหน้าบริษัทคาดว่าจะมีรายได้ราว 1,400 ล้านบาท หรือเติบโต 26.3% จากปีนี้ที่คาดว่าจะมีรายได้ราว 1,200 ล้านบาท โดยเป็นการเติบโตจากการขยายธุรกิจทุกกลุ่มอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะค่าธรรมเนียมนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์และอนุพันธ์
ขณะที่บริษัทย่อย คือ บลจ.วี (We Asset) คาดว่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) จะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากสิ้นปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 5,000 ล้านบาท โดยปัจจุบันทำได้แล้ว 4,839 ล้านบาท และ บริษัท เคทีบีเอสที รีท แมเนจเมนท์ (KTBST REIT) จะมีการจัดตั้งกอง REIT ให้กับลูกค้าจำนวน 2 กอง ขนาดรวมราว 5,000 ล้านบาท ประเภทสินทรัพย์อยู่ในกลุ่มโรงแรม และกลุ่มอาคารสำนักงานให้เช่า
นายวิน กล่าวว่า ธุรกิจในกลุ่มทั้งหมดจะช่วยสนับสนุนการเติบโตเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งบริษัทยังเตรียมจัดตั้งบริษัทย่อยใหม่ ชื่อ KTBST LEND เพื่อประกอบธุรกิจเกี่ยวกับการปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ที่มีปัญหาหนี้ โดยจะให้บริการเหมือนกับคลีนิคแก้ปัญหาหนี้ ซึ่งจะเข้าไปนำเสนอบริการให้กับองค์กรหรือบริษัทต่างๆ เพื่อแก้ปัญหาหนี้ให้กับพนักงาน รวมถึงจะมีการให้ความรู้เรื่องการออมและการลงทุนด้วย