ดัชนีกลุ่มพลังงานอยู่ที่ 25,985.87 จุด เพิ่มขึ้น 117.74 จุด (+0.46%) เมื่อเวลา 9.59 น. นำโดยหุ้น PTTEP บวก 3.08% มาอยู่ที่ 134.00 บาท เพิ่มขึ้น 4.00 บาท มูลค่าซื้อขาย 505.69 ล้านบาท
หุ้น PTT บวก 1.61% มาอยู่ที่ 47.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท มูลค่าซื้อขาย 460.45 ล้านนบาท
หุ้น TOP บวก 1.39% มาอยู่ที่ 73.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท มูลค่าซื้อขาย 79.96 ล้านบาท
หุ้น IRPC บวก 1.02% มาอยู่ที่ 3.96 บาท เพิ่มขึ้น 0.04 บาท มูลค่าซื้อขาย 54.27 ล้านบาท
ขณะที่ดัชนี SET มาอยู่ที่ 1,581.53 จุด ลดลง 13.44 จุด (-0.84%) เมื่อเวลา 9.59 น.
บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่า ความตึงเครียดในตะวันออกกลางกดดันให้เกิดแรงทำกำไรระยะสั้นในหุ้นกลุ่มพลังงานเช่นเดียวกับตลาดหุ้นโลก หลังมีรายงานปฏิบัติการทางอากาศของสหรัฐฯ ในการสังหารกัสเซ็ม โซไลมานี นายพลคนสำคัญและผู้นำระดับสูงของอิหร่าน ส่งผลให้ความตึงเครียดและความกังวลในตะวันออกกลางเพิ่มขึ้น ขณะที่อิหร่านมีประชาชนเข้าร่วมไว้อาลัยการเสียชีวิตจำนวนมาก และมีการชักธงแดงขึ้นสู่ยอดสุเหร่าศักดิ์สิทธิ์"จามคาราน"เป็นสัญลักษณ์แสดงถึงการประกาศแก้แค้น ส่งผลลบแต่หุ้นและสินทรัพย์เสี่ยง แต่บวกต่อสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น ทองคำ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้นทดสอบ 70 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
พร้อมทั้งคาดว่าอาจมีการตอบโต้จากทางอิหร่าน แต่คงไม่ถึงขั้นจะนำไปสู่สงครามโลก โดยมีรายงานเกี่ยวกับการยิงขีปนาวุธตกลงบริเวณ Green Zone ใกล้สถานฑูต และฐานทัพสหรัฐฯ ในอิรัก ซึ่งถูกมองเป็นการตอบโต้จากอิหร่าน และอาจมีมาตรการทางทหารระหว่างสหรัฐฯ กับอิหร่านอีกระยะ รวมถึงคำขู่เกี่ยวกับการปิดช่องแคบฮอร์มุทช์ที่เป็นเส้นทางขนส่งน้ำมันสำคัญออกจากตะวันออกกลาง
สำหรับการประเมินว่าจะไม่นำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 3 เนื่องจาก 1) ความห่างชั้นของเทคโนโลยีและอำนาจทางการทหารของทั้งคู่ 2) สถานะของอิหร่านซึ่งชนส่วนใหญ่รับถือนิกาย"ชีอะห์"ซึ่งเป็นมุสลิมส่วนน้อยของโลก (15% เป็นชีอะห์ ส่วนใหญ่ 85% เป็นสุหนี่) การเข้าสู่สงครามใหญ่จะส่งผลต่อดุลดังกล่าวอย่างมีนัยสำคัญ 3) สถานะทางเศรษฐกิจ การเงิน และความพร้อม
ด้าน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) แนะ"เก็งกำไร"หุ้น บมจ.ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) รับประโยชน์จากราคาน้ำมันช่วง 1-2 เดือนข้างหน้า จาก 1) สถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลาง และกลุ่มโอเปกพลัสปรับลดการผลิตอีก 0.5 ล้านบาร์เรล/วัน ในไตรมาส 1/63 จะเป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำมัน 2) สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนเริ่มคลายตัว โดยมีกำหนดการเซ็นสัญญาการค้าวันที่ 15 ม.ค. รวมถึงการเจรจาข้อตกลงการค้าเฟสถัดไป 3) คาดการณ์เงินปันผลงวด H2/62 ที่ 3.05 บาท/หุ้น คิดเป็น Yield 2.3% (คาดบริษัทจะประกาศงบ Q4/62 พร้อมเงินปันผลวันที่ 30 ม.ค.นี้)
พร้อมปรับราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 63 ขึ้นเป็น 142.00 บาท อ้างอิง DCF โดยปรับอัตราคิดลด WACC เป็น 9.4% (เดิม 9.9%) สะท้อนพัฒนาการเชิงบวกของสงครามการค้า ทำให้การเติบโตของเศรษฐกิจโลก และความต้องการใช้น้ำมันมี Upside ณ ราคาเป้าหมาย implies เป็น PBV ที่ 1.41x (ค่าเฉลี่ยในอดีต -0.4SD)