CIMBT เผยกำไรปี 62 พุ่งกว่า 216 เท่า จากสำรองหนี้สูญลดวูบ-รายได้โตตามสินเชื่อขยายตัว

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday January 21, 2020 17:45 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอดิศร เสริมชัยวงศ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานปี 62 สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.62 มีกำไรสุทธิจำนวน 1,501.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 1,494.7 ล้านบาท หรือ 216 เท่า เมื่อเปรียบเทียบผลกำไรสุทธิของงวดเดียวกันปี 61 สาเหตุหลักเกิดจากการลดลงของสำรองหนี้สงสัยจะสูญ 48.7% ซึ่งเป็นผลจากการปรับปรุงกระบวนการเพื่อเพิ่มคุณภาพสินทรัพย์ของธนาคาร และการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการดำเนินงาน 3.5% สุทธิกับการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน 14.1%

รายได้จากการดำเนินงานในปี 62 มีจำนวน 14.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 472.5 ล้านบาท หรือ 3.5% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันปี 61 เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นจำนวน 160.6 ล้านบาท หรือ 1.5% จากการขยายตัวของสินเชื่อ และการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยจากธุรกิจเช่าซื้อและรายได้ดอกเบี้ยจากเงินลงทุน และรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิเพิ่มขึ้นจำนวน 362.3 ล้านบาท หรือ 20% เกิดจากการเพิ่มขึ้นของค่าธรรมเนียมจากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ประกันภัยและค่าธรรมเนียมจากการเป็นผู้จัดจำหน่ายตราสารหนี้

รายได้จากการดำเนินงานอื่นลดลงจำนวน 50.5 ล้านบาท หรือ 4.5% สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของขาดทุนสุทธิจากหนี้สินทางการเงินที่กำหนดให้แสดงด้วยมูลค่ายุติธรรมสุทธิกับกำไรสุทธิจากธุรกรรมเพื่อค้าและปริวรรตเงินตราต่างประเทศ และการเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิจากเงินลงทุนและกำไรสุทธิจากการขายสินเชื่อด้อยคุณภาพ

ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันปี 61 เพิ่มขึ้นจำนวน 1,198.1 ล้านบาทหรือ 14.1% สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงานและค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น เนื่องจากการแก้ไขพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน ซึ่งกำหนดให้จ่ายค่าชดเชยเพิ่มขึ้นสำหรับพนักงานที่เกษียณอายุและมีอายุงานมากกว่าหรือเท่ากับ 20 ปีและค่าใช้จ่ายที่เกิดจากกลยุทธ์การขยายงานของธนาคารภายใต้โครงการ Fast Forward เป็นผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน ต่อรายได้จากการดำเนินงานสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.62 อยู่ที่ 68.5% เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 61 อยู่ที่ 62.1%

อัตราส่วนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิต่อสินทรัพย์เฉลี่ย (NIM) สำหรับปี 62 อยู่ที่ 3.31% ลดลงจากปี 61 อยู่ที่ 3.71% เป็นผลจากต้นทุนการเงินที่เพิ่มขึ้น

ณ วันที่ 31 ธ.ค.62 เงินให้สินเชื่อสุทธิจากรายได้รอตัดบัญชี (รวมเงินให้สินเชื่อซึ่งค้ำประกันโดยธนาคารอื่นและเงินให้สินเชื่อแก่สถาบันการเงิน) ของกลุ่มธนาคารอยู่ที่ 242.1 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.3% เมื่อเทียบกับเงินให้สินเชื่อ ณ วันที่ 31 ธ.ค.61 กลุ่มธนาคารมีเงินฝาก (รวมตั๋วแลกเงิน หุ้นกู้ และผลิตภัณฑ์ทางการเงิน บางประเภท) จำนวน 241.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.1% จากสิ้นปี 61 ซึ่งมีจำนวน 234.3 พันล้านบาท อัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝาก (the Modified Loan to Deposit Ratio) ของกลุ่มธนาคารเพิ่มขึ้นเป็น 100.3% จาก 97.2% ณ วันที่ 31 ธ.ค.61

สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) อยู่ที่ 11.3 พันล้านบาท อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อเงินให้สินเชื่อทั้งสิ้น (NPL ratio) อยู่ที่ร้อยละ 4.6 เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับ ณ วันที่ 31 ธ.ค.61 อยู่ที่ 4.3% เป็นผลจากลูกหนี้ภาคธุรกิจบางรายและรายย่อย

อย่างไรก็ตาม ธนาคารซีไอเอ็มบีไทยยังคงมาตรฐานการอนุมัติสินเชื่อ และนโยบายการบริหารความเสี่ยงที่รัดกุมขึ้น ตลอดจนได้มีแนวทางเพิ่มประสิทธิภาพการติดตามหนี้ การดำเนินการดูแลและการแก้ไขลูกหนี้ที่ถูกผลกระทบดังกล่าวอย่างใกล้ชิด

อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ ณ วันที่ 31 ธ.ค.62 อยู่ที่ 93.7% ลดลงจากสิ้นปี 61 ซึ่งอยู่ที่ 107% ณ วันที่ 31 ธ.ค.62 เงินสำรองของกลุ่มธนาคารอยู่ที่จำนวน 10.5 พันล้านบาท ซึ่งเป็นเงินสำรองส่วนเกินจากเงินสำรองขั้นต่ำตามเกณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทยจำนวน 4.9 พันล้านบาท

เงินกองทุนรวมของกลุ่มธนาคาร ณ วันที่ 31 ธ.ค.62 มีจำนวน 47.6 พันล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนเงินกองทุนรวมต่อสินทรัพย์เสี่ยง 18% โดยเป็นอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 อยู่ที่ 13.1%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ