นางนลินี งามเศรษฐมาศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไอร่า แคปปิตอล (AIRA) กล่าวว่า บริษัทคาดว่าผลประกอบการจะพลิกกลับมามีกำไรสุทธิได้ในปี 65 จากการเก็บเกี่ยวผลตอบแทนจากการลงทุนได้อย่างเต็มที่ในช่วงต่อจากนี้ ขณะที่ล่าสุดที่บริษัทเปิดเผยผลประกอบการ 9 เดือนของปี 62 ขาดทุนสุทธิราว 116.97 ล้านบาท
ปัจจุบันธุรกิจในเครือหลายบริษัทที่สร้างผลกำไรให้กับ AIRA Group เช่น ธุรกิจลีสซิ่ง ซึ่งเป็นการให้บริการสินเชื่อแบบเช่าซื้อ สัญญาเช่าดำเนินงานและอื่นๆ ภายใต้การดำเนินงานของ บมจ.ไอร่า ลีสซิ่ง, ธุรกิจแฟคตอริ่ง หรือการโอนและรับโอนสิทธิเรียกร้องภายในประเทศ (Domestic Factoring) บริษัทเป็นผู้ให้บริการเงินทุนหมุนเวียนระยะสั้นโดยการรับซื้อลดลูกหนี้การค้าโดยการรับโอนสิทธิเรียกร้องในการรับเงิน ภายใต้การบริหารจัดการของ บมจ.ไอร่า แฟคตอริ่ง, ธุรกิจหลักทรัพย์และที่ปรึกษาการเงิน ภายใต้การบริหารจัดการของ บล. ไอร่า และ บริษัท ไอร่า แอดไวเซอรี่ จำกัด
ส่วนธุรกิจอื่นๆ คาดว่าจะสามารถทยอยสร้างผลกำไรให้กับ AIRA Group ได้ในอนาคต เช่น ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้บริษัทย่อย คือ บมจ.ไอร่า พร็อพเพอร์ตี้ ซึ่งถือหุ้น 60% ในบริษัทร่วมทุน บริษัท แอสไพเรชั่น วัน จำกัด ที่เป็นผู้บริหารจัดการโครงการอาคารสำนักงานให้เช่า Spring Tower ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันนี้
Spring Tower ตั้งอยู่บนพื้นที่ 2 ไร่ 3 งาน 97 ตารางวา บริเวณสี่แยกราชเทวี เป็นอาคารสำนักงานให้เช่าเกรด A สูง 27 ชั้น โดยชั้น 9 -27 เป็นโครงการอาคารสำนักงานที่รองรับการขยายตัวของบริษัทชั้นนำทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ดังนั้น ด้วยด้วยทำเลย่านราชเทวี ซึ่งเป็นบริเวณย่านธุรกิจการลงทุนอยู่แล้ว จึงมีศักยภาพที่จะเติบโตเป็น Central Business Area ในอนาคต เชื่อว่าความต้องการของผู้เช่ายังคงมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นที่มาของการลงทุนในครั้งนี้
ปัจจุบัน Spring Tower มียอดการเช่าไปแล้วกว่า 60% และจะเริ่มทยอยรับรู้รายได้จากค่าเช่าตั้งแต่ไตรมาส 1/63 เป็นต้นไป โดยเบื้องต้นคาดว่าจะมียอดรายได้จากค่าเช่าเข้ามา เฉลี่ยประมาณ 300 ล้านบาทต่อปี ซึ่งจะเริ่มเห็นชัดเจนได้ในปีหน้า หลังมีอัตราการเช่าเต็มรูปแบบที่ 95% และคาดว่าจะถึงจุดคุ้มทุนภายใน 11 ปี
นอกจากนี้ AIRA Group ยังมีแผนในการต่อยอดเพื่อพัฒนาอาคารสำนักงานให้เช่า เพิ่มอีกอย่างน้อย 2 โครงการ มูลค่าโครงการละ 3,000 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ในระหว่างศึกษาทำเลศักยภาพ คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในปีนี้ 1 โครงการ อย่างไรก็ตาม การพิจารณาทุกโครงการที่ลงทุนจะต้องสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มในอนาคต เพื่อให้เป็นไปตามแผนที่จะนำสินทรัพย์จัดตั้งเป็นกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT)ในอนาคต โดยมองมูลค่าของกอง REIT จะต้องมีขนาดไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาทในปีแรก
นางนลินี กล่าวถึงความคืบหน้าในการนำบริษัทในเครือ 2 บริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ว่า บมจ.ไอร่า ลีสซิ่ง ผู้ให้บริการสินเชื่อแบบเช่าซื้อ สัญญาเช่าดำเนินงานและผลิตภัณฑ์ทางการเงินอื่นๆ ปัจจุบันมีผลประกอบการเป็นที่น่าพอใจ สามารถสร้างผลกำไรให้กับกลุ่มบริษัท และ บมจ.ไอร่า แอนด์ ไอฟุล ผู้ประกอบธุรกิจให้สินเชื่อส่วนบุคคล คาดว่าจะมีความชัดเจนในเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายใน 2 ปีข้างหน้า หรือปี 65 ซึ่งจะช่วยให้บริษัทมีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ และพลิกกลับมามีกำไรสุทธิได้
"ทิศทางการดำเนินงานโดยรวมมองว่าน่าจะมีการเติบโตขึ้น โดยธุรกิจลีสซิ่ง ปัจจุบันก็อยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะซื้อพอร์ตเข้ามาหรืออาจเข้าเทกโอเวอร์บริษัทเลย ซึ่งยังไม่มีข้อสรุป เบื้องต้นคาดเห็นความชัดเจนภายในปี 63 โดยคาดจะทำให้พอร์ตของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าตัว จากปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 1,500 ล้านบาท ขณะที่ธุรกิจพร็อพเพอร์ตี้ ปัจจุบันก็อยู่ระหว่างพิจารณาลงทุนสำนักงานให้เช่า 2 โครงการ คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ภายในปีนี้ 1 โครงการ ซึ่งเรื่องของเงินลงทุนเราถือว่ามีเพียงพอ โดยจะใช้เงินกู้ส่วนหนึ่งด้วย"นางนลินี กล่าว