mai เผยสิ้นปี 50 บจ.มีกำไรรวม 1.96 พันลบ. ลดลง 10% จากปี 49

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday March 6, 2008 17:48 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ(mai)เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานประจำปี 2550 สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 ของบริษัทจดทะเบียน(บจ.)ในตลาดหลักทรัพย์ mai จำนวน 49 แห่ง ปรากฎว่า มีกำไรสุทธิรวม 1,961 ล้านบาท ลดลง 10% จากปี 2549 ซึ่งมีกำไรสุทธิรวม 2,181 ล้านบาท แม้ว่ารายได้รวม บจ.จะมีทั้งสิ้น 44,727 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11%  
ทั้งนี้ มีบริษัทที่มีกำไรสุทธิ 41 บริษัท คิดเป็นร้อยละ 84 และบริษัทที่ขาดทุนสุทธิ 8 บริษัท คิดเป็นร้อยละ 16
นายชนิตร กล่าวว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทฯได้รับผลกระทบโดยตรงจากการชะลอตัวทางด้านเศรษฐกิจ ในปี 2550 ซึ่งแม้ว่าบริษัทจะมีรายได้เพิ่มขึ้น แต่ไม่สามารถแบกรับต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งราคาวัสดุก่อสร้าง ราคาน้ำมันและค่าขนส่ง ตลอดจนปัจจัยค่าเงินบาท ประกอบกับปีที่ผ่านมาการลงทุนภาครัฐชะลอตัว ส่งผลให้บริษัทมีรายได้จากงานด้านโครงการลดลง
กลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบสำหรับผลประกอบการปี 2550 ส่วนใหญ่อยู่ในอุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้าง อุตสาหกรรมสื่อและบริการ อุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
ปัจจุบันมีบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai 51 บริษัท มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดที่ 40,016 ล้านบาท ดัชนี mai ปิดที่ระดับ 269.89 (เมื่อวันที่ 6 มี.ค. 2551)
บจ.ในตลาดหลักทรัพย์ mai ที่มีกำไรสุทธิประจำปี 50 เกิน 100 ล้านบาท มีจำนวน 8 แห่ง ได้แก่ บมจ.ยูนิค ไมนิ่ง เซอร์วิสเซส (UMS)กำไร 330 ล้านบาท บมจ.โกลด์ไฟน์ แมนูแฟคเจอเรอส์(GFM) กำไร 186 ล้านบาท บมจ.เด็มโก้ (DEMCO) กำไร 145 ล้านบาท บมจ.ถิรไทย(TRT) กำไร 121 ล้านบาท บมจ.ซี.ไอ.กรุ๊ป (CIG) กำไร 107 ล้านบาท บมจ.มิลล์คอนสตีล อินดัสทรีส์ (MILL) กำไร 106 ล้านบาท และ บมจ.โรงพยาบาล ไทยนครินทร์(TNH) กำไร 101 ล้านบาท
สำหรับ UMS , UEC และ GFM ทำสถิติบริษัทจดทะเบียนที่มีกำไรสุทธิสูงสุด 1 ใน 5 อันดับแรกตั้งแต่ผลการดำเนินงานประจำปี 2548 เป็นต้นมา

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ