(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีพักตัวในกรอบแคบ ช่วงรอดูคำตัดสินศาลรธน.ต่อร่างกฎหมายงบประมาณปี 63 บ่ายนี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday February 7, 2020 09:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะพักตัวในกรอบแคบหลังจากที่ได้ปรับตัวขึ้นไปในระดับหนึ่งแล้ว และอยู่ในช่วงของการรอดูคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญที่ได้นัดลงมติว่าร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ตราขึ้น โดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือไม่ ในช่วงบ่ายวันนี้ (7 ก.พ.) ซึ่งหากผลออกมาขัดรัฐธรรมนูญก็เชื่อว่าศาลฯจะมีคำชี้แนะแนวทางด้วย ซึ่งก็คาดว่าจะทำให้งบประมาณมีความล่าช้าราว 1-2 เดือนเท่านั้น และจะกระทบตลาดฯและเศรษฐกิจไม่มาก แต่ถ้าไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ตลาดฯก็จะตอบรับในทางบวก โดยคาดว่าหุ้นในกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง, การบริโภคภายในประเทศ จะขึ้นตอบรับทันที

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวในแดนลบ คาดว่าจะเป็นการขายทำกำไรในช่วงสั้นหลังจากที่ได้ขึ้นตอบรับความคาดหวังเชิงบวกในสถานการณ์ไวรัสโคโรนาไปแล้ว ขณะที่ตลาดสหรัฐฯได้ปรับขึ้นทำสถิติสูงสุดใหม่ ตอบรับที่จีนจะปรับลดภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ

อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามสถานการณ์ไวรัสโคโรนาที่ยังไม่แน่นอนอยู่ และติดตามการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญบ่ายนี้ พร้อมให้แนวรับ 1,530-1,525 จุด ส่วนแนวต้าน 1,542-1,550 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (6 ก.พ.63) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 29,379.77 จุด เพิ่มขึ้น 88.92 จุด (+0.30%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,345.78 จุด เพิ่มขึ้น 11.09 จุด (+0.33%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 9,572.15 จุด เพิ่มขึ้น 63.47 จุด (+0.67%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 7.58 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 137.42 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 36.97 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 6.45 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 17.37 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 25.42 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 1.52 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ ลดลง 59.18 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (6 ก.พ.63) 1,535.79 จุด เพิ่มขึ้น 1.65 จุด (+0.11%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,358.16 ล้านบาท เมื่อวันที่ 6 ก.พ.63
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มี.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (6 ก.พ.63) ปิดที่ระดับ 50.95 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 20 เซนต์ หรือ 0.4%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (6 ก.พ.) อยู่ที่ 2.78 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 31.19 อ่อนค่าจากวานนี้ ตลาดรอลุ้นคำวินิจฉัยพ.ร.บ.งบประมาณฯ ของศาลรธน.วันนี้ คาดกรอบ 31.10-31.30
  • "แบงก์ชาติ" ย้ำดอกเบี้ยนโยบายยังลดได้อีก หากเศรษฐกิจชะลอตัวกว่าคาด หวังการ "แอ็คชั่น" เร็วช่วยประคองเศรษฐกิจ ป้องปัญหาหนี้เสีย พร้อมเรียก "สมาคมแบงก์" หารือแนวทางอุ้มลูกหนี้ จี้ "ตั้งทีมเฉพาะกิจ" เกาะติดปัญหา ช่วยเหลือลูกค้าเร่งด่วน ขณะ "แบงก์พาณิชย์-แบงก์รัฐ" สนองนโยบายธปท. แห่ลดดอกเบี้ยเงินกู้
  • บอร์ดบีโอไออนุมัติ 3 มาตรการพิเศษกระตุ้นการลงทุน เร่งโครงการขนาดใหญ่ เอสเอ็มอีหนุนเศรษฐกิจฐานราก หวังปี 63-64 กว่า 2 แสนล้านบาท
  • รัฐบาลรอลุ้นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย งบประมาณปี 63 วันนี้ "วิษณุ" ตื่นเต้นศาล รธน.นัดชี้ชะตาเร็วกว่าที่คาด เผยเตรียมแนวทางปฏิบัติไว้แล้วหากศาลฯตีตก แย้มประชุม ครม. 11 ก.พ.ชงเสนอร่างใหม่เข้าสภาฯ "ศักดิ์สยาม" เผยถ้าล่ม นายกฯ เปิดทาง กู้ลงทุนไปก่อน "สมคิด" ลั่นพร้อมอัดเงินสู่ระบบ สั่ง "คลัง" ศึกษาออกกองทุน TFF ขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐาน "อุตตม" อนุมัติรายได้จากการส่งออก นำกลับประเทศ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดแรงกดดันบาทแข็งค่า
  • รายงานข่าวจากสถาบันการเงิน เปิดเผยว่า ธนาคารพาณิชย์ทั้งของรัฐและเอกชนต่างปรับลดดอกเบี้ยเงินกู้ลง 0.25% หลังจากคณะกรรมการนโยบายการเงินหรือ กนง. ได้ลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% มาอยู่ที่ 1% ต่อปี โดยนายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน กล่าวว่า ได้ลดดอกเบี้ยเงินกู้ 0.25% เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายแก่ประชาชน ทำให้ดอกเบี้ยเอ็มอาร์อาร์ และเอ็มโออาร์ เหลือ 6.495% ต่อปี โดยยืนยันจะไม่ลดดอกเบี้ยสลากออมสินทุกประเภท รวมถึงเงินฝากเผื่อเรียกสำหรับลูกค้ารายย่อย แต่จะลดดอกเบี้ยเงินฝากเพียงเฉพาะกลุ่มเงินฝากประจำ และเงินฝากเผื่อเรียกพิเศษลง 0.25% มีผลวันที่ 7 ก.พ. 63

*หุ้นเด่นวันนี้

  • CK (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 25 บาท หากศาล รธน. วินิจฉัยว่าร่าง งบฯปี 2563 ไม่เป็นโมฆะหรือเป็นโมฆะบางมาตรา เชื่อหุ้นขึ้นต่อ ไม่ก็ sell on fact ถ้าผิดคาด กระทบน้อยกว่ากลุ่มเพราะไม่ได้พึ่งรายได้ก่อสร้างเพียงทางเดียว มี Backlog 4.3 หมื่นล้านบาท ยังไม่รวมรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินที่รอแบ่งงาน ซึ่งน่าจะดัน Backlog ให้แตะ 8.5-9 หมื่นล้านบาทได้ ด้านกำไร Q4/62 ไม่สดใสเพราะรายได้ก่อสร้างน้อย และต่อเนื่องมาถึงปี 2563 จากความล่าช้าของการเซ็นงานใหม่ แต่คาดกำไรปกติปีนี้ +53% Y-Y หนุนจาก BEM, CKP และ TTW ทั้งนี้ CK เตรียมซื้อหุ้นคืน วงเงิน 3 พันล้านบาท ไม่เกิน 169.4 ล้านหุ้น (10% ของทุนชำระแล้ว) วันที่ 2 มี.ค.-1 ก.ย. 2563
  • CPF (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า 33.5 บาท คาดกำไรสุทธิ Q4/62 ประมาณ 3.4 พันล้านบาทเพิ่มขึ้น 7%qoq และ 105%yoy จากราคาหมูในเวียดนามเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 65,000 ดองต่อกก. เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวจากระดับ 33,000 ดองต่อกก.ใน Q3/62 และคาดกำไรสุทธิโตต่อเนื่องอีกใน Q1/63 จากราคาหมูในประเทศ และราคาหมูเวียดนามเร่งตัวขึ้นอีกในปัจจุบัน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ