SF ตั้งเป้ารายได้ปี 63 โตกว่า 10% จากคอมมูนิตี้มอลล์-โครงการเมกาซิตี้ยังไปได้ดี

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday February 20, 2020 13:15 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกิตตินันท์ สำรวจรวมผล กรรมการบริษัทและประธานเจ้าหน้าที่การเงิน บมจ.สยามฟิวเจอร์ ดีเวลอปเมนท์ (SF) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 63 เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 3,318.33 ล้านบาท โดยรายได้หลักยังมาจากธุรกิจคอมมูนิตี้มอลล์ที่ยังมีโอกาสเติบโตได้อีก รวมถึงโครงการเมกาซิตี้ยังสามารถรักษาระดับการเติบโตได้ดี ซึ่งในปีนี้จะมีการปรับเปลี่ยนร้านค้าบางประเภทเพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้ามากขึ้น

รวมถึงยังมีโปรเจ็คต์ที่จะทำร่วมกันกับเมกาบางนาด้วย 2-3 โปรเจ็คต์ในการอัพเกรดและเพิ่มพื้นที่ คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายใน 6 เดือนนี้ โดยดตรียมเปิดใช้ทางกลับรถบริเวณติดกับทางพิเศษบูรพาวิถีในไตรมาส 2/63 และปรับพื้นที่ทางเดินใหม่ โดยจะเปิดใช้ในไตรมาส 4/63 รวมถึงยังมีแผนก่อสร้างอาคารจอดรถใหม่ในปีนี้และคาดว่าจะเปิดให้บริการในไตรมาส 1/64 วางงบลงทุน 935 ล้านบาท

และมีแผนปรับปรุงโครงการ Market Place ทองหล่อ 4 ซึ่งเป็นโครงการมิกซ์ยูส ขนาดพื้นที่ 3,600 ตารางเมตร คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ภายในปี 65 โดยจะมีขนาดพื้นที่เพิ่มเป็น 10,000 ตารางเมตร วางงบลงทุนรวมไว้ที่ 1,200 ล้านบาท

นายกิตตินันท์ เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนกู้เงินจากสถาบันทางการเงินจำนวน 1,700 ล้านบาทเพื่อรองรับการลงทุนในช่วง 2-3 ปีนี้ โดยคาดว่าจะทยอยใช้เงินลงทุนปีละ 500-600 ล้านบาท

สำหรับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เบื้องต้นยังมีผลไม่ถึง 1% ของรายได้รวม เนื่องจากยังมีความต้องการเดินศูนย์การค้าแบบเปิดหรือในรูปแบบคอมมูนิตี้มอลล์ ขณะที่ยอมรับว่าศูนย์การค้าเอสพลานาด รัชดา ได้รับผลกระทบมากที่สุด โดยในช่วงที่ผ่านมามีลูกค้ากลุ่มทัวร์ โดยเฉพาะชาวจีน หายไป 20-30% แต่ก็ยังมีลูกค้าในพื้นที่ใกล้เคียง (Local) โดยเฉพาะคนทำงานที่เข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง

ส่วนโครงการเมกาบางนา ได้รับผลกระทบจากลูกค้ากลุ่มทัวร์ไม่มาก เห็นได้จากเดือน ม.ค.63 ผู้เข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้น 1% หลังจากนั้นต้นเดือน ก.พ.ติดลบไปราว 8% ก่อนจะดีดตัวกลับขึ้นมาเหลือติดลบ 3% ในปัจจุบัน

อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ดังกล่าวทำให้มีร้านค้าบางร้าน ทั้งในคอมมูนิตี้มอลล์, โครงการเมกาบางนา และเอสพลานาด ยื่นขอลดค่าเช่าเพื่อเป็นการช่วยเหลือบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้น ซึ่งขณะนี้บริษัทก็อยู่ระหว่างการพิจารณาเป็นรายร้านค้า และพิจารณาว่าจะช่วยลดค่าเช่าในระยะเวลากี่เดือน

"ปีนี้เราตั้งเป้าหมายการเติบโตไว้เป็น Double Digit หรือมากกว่า 10% จากคอมมูนิตี้มอลล์ และโครงการเมกาบางนา ที่คาดจะมีสัดส่วนรายได้อย่างละครึ่งๆ ซึ่งเรายังเชื่อว่ายังมีโอกาสที่จะเติบโตได้อีกมาก"นายกิตตินันท์ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ