ตลาดหุ้นทั่วภูมิภาคเอเชียพร้อมใจดิ่งร่วงลงในช่วงเช้าวันนี้ (10 มี.ค.) จากความกังวลที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจเผชิญภาวะถดถอยแล้ว หลังจากที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานเดือนก.พ.ที่ร่วงอย่างหนักสวนกระแสคาดการณ์ เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดดิ่งลง 146 จุด หลังจากที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยอัตราจ้างงานเดือนก.พ.ที่ปรับตัวลดลง 63,000 อัตรา ซึ่งเป็นตัวเลขที่ดิ่งลงหนักสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2546 สวนทางกับที่นักวิเคระห์คาดว่าตัวเลขจ้างงานจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 25,000 อัตรา ขณะที่ความเคลื่อนไหวของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)ที่พยายามใช้มาตรการต่างๆเพื่อช่วยคลายความวิตกกังวลต่อนักลงทุนด้วยการประกาศแผนอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบธนาคารเป็นวงเงินกว่า 2.00 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐนั้นกลับไม่ได้ช่วยหนุนตลาดแต่อย่างใด สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงานว่า ดัชนีนิกเกอิปิดเช้าร่วงลง 183.02 จุด หรือ 1.4% แตะที่ระดับ 12,599.78 จุด ขณะที่ดัชนีสเตรทส์ไทม์ปรับตัวลดลง 34.95 จุด หรือ 1.2% แตะ 2,831.33 จุด นอกจากนี้ ดัชนีฮั่งเส็งเปิดตลาดร่วงลง 114.08 จุด หรือ 0.5% แตะที่ระดับ 22,387.25 จุด และดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นเกาหลีใต้ดิ่งลง 1.4% แตะที่ 1,614.20 จุดเช้านี้ คิม ยัง-กั๊ก นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ฮุนไดกล่าวว่า "ตัวเลขจ้างงานสหรัฐที่ซบเซาได้ฉุดตลาดหุ้นทั่วเอเชียให้ร่วงลงอยู่ในแดนลบ แต่ช่วงขาลงยังเป็นไปอย่างจำกัด เนื่องจากขณะนี้ตลาดแกว่งตัวลงอยู่ในระดับที่ต่ำมากแล้ว" ด้านชาน โอลิเวอร์ นักวิเคราะห์จากเอเอ็มพี แคปิตอล อินเวสเตอร์ ในซิดนีย์กล่าวว่า "อัตราจ้างงานของสหรัฐร่วงลงเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน ซึ่งเป็นที่แน่นอนแล้วว่าเศรษฐกิจสหรัฐได้เข้าสู่ภาวะถดถอยแล้ว" "ยอดการใช้จ่ายผู้บริโภคของสหรัฐที่ลดลงนั้นทำให้เกิดความเป็นไปได้ว่าภาวะเช่นนี้จะส่งผลกระทบในเชิงลบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจในประเทศต่างๆทั่วโลก ซึ่งรวมถึงจีนและกลุ่มประเทศในภูมิภาคเอเชีย" นายโอลิเวอร์กล่าวทิ้งท้าย