SC ตั้งเป้าปี 63 รายได้ ที่ 1.78 หมื่นลบ., ยอดขาย 1.8 หมื่นลบ. พร้อมเปิด 13 โครงการใหม่ มูลค่า 1.6 หมื่นลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday February 26, 2020 17:02 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น (SC) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ในปี 63 ที่ 1.78 หมื่นล้านบาท ใกล้เคียงกับปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 1.77 หมื่นล้านบาท ซึ่งรายได้ในปีนี้จะมาจากทยอยรับรู้รายได้จากมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) กว่า 60% จาก Backlog ทั้งหมดที่มีอยู่ 7 พันล้านบาท ประกอบกับจะมีรายได้จากการขายโครงการแนวราบที่เป็นโครงการที่อยู่ระหว่างการขาย และโครงการแนวราบที่เปิดใหม่ในปีนี้

ประกอบกับการทยอยระบายสต็อกโครงการคอนโดมิเนียม ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าราว 1 หมื่นล้านบาท ออกมาเพื่อสร้างรายได้ให้กับบริษัท และในช่วงปลายปีนี้จะมีการเปิดโรงแรมแห่งแรกของบริษัทบนถนนราชวัตรเข้ามาเสริมรายได้ประจำ นอกเหนือจากรายได้จากค่าเช่าออฟฟิศ

ด้านยอดขายของบริษัทในปี 63 ตั้งเป้าไว้ที่ 1.8 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ทำได้ 1.4 หมื่นล้านบาท โดยที่ในปีนี้บริษัทมีการเปิดโครงการใหม่จำนวน 13 โครงการ มูลค่า 1.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งโครงการใหม่เกือบทั้งหมดเป็นโครงการแนวราบ โดยจะเน้นไปที่ระดับราคาต่ำกว่า 10 ล้านบาทมากขึ้น เพราะเป็นกลุ่มระดับราคาที่บริษัทต้องการขยายตลาดไปให้มาก และเป็นกลุ่มที่ยังมีความต้องการซื้ออยู่อย่างต่อเนื่อง ในขณะที่กลุ่มแนวราบระดับราคา 10 ล้านบาทขึ้นไป ยังเป็นกลุ่มแนวราบที่บริษัทมีฐานที่แข็งแกร่ง มีการขยายตัวที่ดี และมีส่วนแบ่งตลาด (Market share) เป็นอันดับ 1 และสร้างรายได้ให้กับบริษัทเป็นสัดส่วนที่มาก

ด้านการลงทุนในธุรกิจให้เช่าที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) ของบริษัทยังคงมีการลงทุนโรงแรมใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยวางงบลงทุนรวมในการลงทุนโรงแรมไว้ที่ 2-3 พันล้านบาท เพื่อลงทุนพัฒนาโรงแรมให้ครบ 1,100 ห้อง จำนวน 5 แห่ง ให้ครบภายในปี 66

ปัจจุบันมีที่ดินและมีการดีลซื้ออาคารเพื่อมารีโนเวทครบแล้วทั้ง 5 แห่ง ได้แก่ ราชวัตร รัชดา สุขุมวิท เพชรบุรี และพัทยา ซึ่งจะทยอยเปิดต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปี 63 เป็นต้นไป ซึ่งเป็นโรงแรมกลุ่ม mid-to-upscale ระดับราคา 1,700-2,000 บาท/คืน เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวทั้งต่างประเทศและในไทย โดยเฉพาะกลุ่ม FIT (Free Individual Travelers) ที่ชอบท่องเที่ยวด้วยตนเองและกำลังเติบโต โดยที่ธุรกิจโรงแรมจะเข้ามาช่วยเสริมในธุรกิจออฟฟิศที่จะมีการแข่งขันที่สูงขึ้นในปี 2-3 ปีนี้ ทำให้มีการกระจายความเสี่ยงที่มาจากพอร์ตรายได้ประจำ

นอกจากนี้ในปีนี้บริษัทมีแผนเข้าลงทุนเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ในเมืองบอสตัน สหรัฐฯ อีก 1 แห่ง มูลค่าลงทุน 900 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจา หลังจากที่บริษัทอพาร์ทเม้นท์ในบอสตันที่มีศักยภาพพร้อมเติบโต และทำสัญญาซื้อและบริหารอาคาร ที่ 244 Hanover Street & 20 Parmenter Street ในเมืองบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ มูลค่า 24.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งคาดว่าสัดส่วนกำไรของธุรกิจให้เช่าในปี 66 จะอยู่ที่ 20% ของกำไรสุทธิ ซึ่งมาจากโรงแรม 300 ล้านบาท และออฟฟิศ 300 ล้านบาท

ขณะเดียวกันบริษัทยังมองหา S-curve ใหม่จาก Living Solutions บนการพัฒนา platform โดยได้เปิดตัว RueJai Club ไว้ดูแลลูกค้า ซึ่งเป็นวิถีของโลกยุคใหม่ ที่ใช้เทคโนโลยีเพื่อส่งมอบ solutions ให้กับลูกค้าทุกๆ บ้าน ด้วยโมเดลช่วยเรื่องบ้าน จัดการเรื่องชีวิต ซึ่งประกอบด้วยแพ็กเกจบริการรายครั้งหรือรายเดือน สำหรับอำนวยความสะดวกทุกสิ่งที่เกี่ยวกับบ้าน ได้แก่ แม่บ้าน, ทำสวน , ล้างแอร์ เป็นต้น พร้อม solutions ที่มากกว่า ได้แก่ บริการส่งน้ำ , ส่งแก๊ส , ตัดผม, ซักรีด , ประกันภัย, อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า และอื่นๆ อีกมากมายที่จะร่วมกับบริษัทพาร์ทเนอร์ชั้นนำในอนาคต

ส่วนแผนการออกหุ้นกู้ในปีนี้จะมีการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ทดแทนหุ้นกู้ชุดเดิมที่ครบกำหนดอายุในปีนี้ 3-4 พันล้านบาท อายุ 3 ปี ซึ่งในช่วงนี้ที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำคาดว่าจะช่วยลดต้นทุนทางการเงินของบริษัทให้ลดลงได้อีกด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ