นายอมร ดารารัตนโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ (TNR) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 4/62 ของบริษัทมียอดขายและกำไรโดดเด่นที่สุดในรอบปี โดยมีรายได้จากการขายสินค้า 486 ล้านบาท เติบโต 24% และมีกำไรสุทธิ 67 ล้านบาท เติบโต 26% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ เป็นผลจากการวางกลยุทธ์เพิ่มยอดขายกลุ่มสินค้าภายใต้แบรนด์ของบริษัท หรือ Original Brand Manufacturer (OBM) ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีกว่ากลุ่มธุรกิจรับจ้างผลิต (OEM) และกลุ่มงานประมูล (Tender) โดยเฉพาะถุงยางอนามัยแบรนด์ PLAYBOY ที่มียอดขายในไตรมาสสุดท้ายถึง 123 ล้านบาท หลังจากประสบความสำเร็จในการเจาะตลาดและเพิ่มยอดขายในสหรัฐอเมริกา โดยสามารถเจาะช่องทางห้างค้าปลีกวอลล์มาร์ท และช่องทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์อี-คอมเมิร์ซชั้นนำ amazon.com
สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานปี 62 มีรายได้จากการขายสินค้า 1,540 ล้านบาท เติบโต 8% เทียบกับปี 61 มีรายได้จากการขาย 1,425 ล้านบาท (หลังจัดประเภทใหม่) ปัจจัยมาจากการวางกลยุทธ์ปรับสัดส่วนยอดขายจากแต่ละกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มสินค้า OBM ได้แก่ แบรนด์ PLAYBOY และแบรนด์ ONETOUCHTM ที่มีสัดส่วนยอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 27% เทียบกับปี 61 อยู่ที่ 14% ของรายได้จากการจำหน่ายถุงยางอนามัยและเจลหล่อลื่น ส่งผลดีต่ออัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยในปี 62 เพิ่มขึ้นเป็น 26% จากปี 61 อยู่ที่ 22%
ขณะที่กลุ่มบริษัทมีกำไรสุทธิปี 62 อยู่ที่ 100 ล้านบาท เทียบกับปี 61 ที่มีกำไรสุทธิ 274 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม หากไม่นับรวมกำไรพิเศษในปี 61 ที่เกิดขึ้นจากการบันทึกส่วนต่างจากการซื้อธุรกิจบริษัท บ๊อก เอเชีย กรุ๊ป อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จำนวน 173 ล้านบาท ถือว่าบริษัทสามารถทำกำไรสุทธิปี 62 อยู่ในระดับที่น่าพอใจ ท่ามกลางผลกระทบจากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องและความผันผวนของภาวะเศรษฐกิจโลกจากปัจจัยสงครามการค้า เนื่องจากมีการติดตามสถานการณ์อัตราแลกเปลี่ยนอย่างใกล้ชิดและทำประกันความเสี่ยงค่าเงินเพื่อลดผลกระทบ
"ในปี 63 เรายังคงมุ่งเพิ่มยอดขายจากกลุ่มสินค้า OBM อย่างต่อเนื่อง โดยมีแบรนด์ ONETOUCHTM เจาะกลุ่มลูกค้าระดับกลางเน้นทำตลาดในไทยและกลุ่มประเทศ CLMV ส่วนแบรนด์ PLAYBOY วางตำแหน่งเป็นสินค้าโกลบอลแบรนด์เจาะตลาดกลางถึงบน จะรุกขยายตลาดต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะอเมริกา จีน อินเดีย ทวีปยุโรป และทวีปแอฟริกา" นายอมร กล่าว