J เตรียมสร้างศูนย์การค้าใหญ่สุดบนถนนคู้บอนในปีนี้ พร้อมพัฒนาอสังหาฯให้เช่าระยะยาว ตอบโจทย์ดีมานด์ชุมชน

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday March 4, 2020 14:09 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

J เตรียมสร้างศูนย์การค้าใหญ่สุดบนถนนคู้บอนในปีนี้ พร้อมพัฒนาอสังหาฯให้เช่าระยะยาว ตอบโจทย์ดีมานด์ชุมชน

นายสุพจน์ สิริกุลภัสสร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เจเอเอส แอสเซ็ท (J) เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติการลงทุนก่อสร้างโครงการศูนย์การค้าแห่งใหม่ ถนนคู้บอน กรุงเทพฯ โดยมีสิทธิการเช่าที่ดินระยะเวลา 30 ปี เนื้อที่ดินทั้งหมด 21 ไร่ 1 งาน 95.8 ตารางวา และจะเป็นศูนย์การค้าที่มีพื้นที่พัฒนาใหญ่ที่สุดของบริษัท คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในปีนี้

ทั้งนี้ ทำเลดังกล่าวนับว่ามีศักยภาพ ใกล้กับแหล่งชุมชน ตอบสนองความต้องการของประชากรจำนวนมากในพื้นที่ ซึ่งต้องการความสะดวกสบายและความหลากหลายของร้านค้าและร้านอาหารมากขึ้น โดยรูปแบบของศูนย์การค้าแห่งใหม่จะประกอบด้วยศูนย์การค้าชุมชน และโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าระยะยาว ที่จะสร้างจุดเด่นความน่าสนใจให้กับผู้ประกอบการ

นอกจากนี้ ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างก่อสร้างโครงการคอมมูนิตี้มอลล์แห่งใหม่ "The Jas Village อมตะ" ใกล้นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จังหวัดชลบุรี ซึ่งจะเปิดตัวโครงการภายในไตรมาส 2/63 ตอบโจทย์ชุมชนในพื้นที่ และพร้อมรับกำลังซื้อจากพื้นที่พัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทำให้ทั้งปีนี้บริษัทมีโครงการภายใต้การบริหารรวม 4 โครงการ และโครงการที่กำลังจะก่อสร้าง 1 โครงการ ซึ่งจะช่วยผลักดันรายได้ค่าเช่าให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

"ปีนี้ เราใช้แบรนด์ The Jas Village ในการขยายและพัฒนาศูนย์การค้าที่สามารถตอบโจทย์แหล่งชุมชน ด้วยโมเดลที่เราชำนาญ ใช้งบลงทุนในการก่อสร้างน้อย เป็นศูนย์การค้าชั้นเดียว เพื่อเข้าถึงร้านค้าได้สะดวก พร้อมด้วยที่จอดรถจำนวนมาก การตกแต่งมีความทันสมัย ใกล้ชิดธรรมชาติ มุ่งหวังตอบโจทย์ลูกค้าในทุกกลุ่มเป้าหมายได้อย่างครบครัน เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น ได้แก่ กลุ่มเด็ก กลุ่มครอบครัว และกลุ่มคนทำงาน เป็นต้น ประกอบกับ มองว่านี่คือจังหวะที่ดีในการขยายการลงทุน เนื่องจากราคาที่ดินและราคาก่อสร้างมีต้นทุนต่ำ อีกทั้ง ยังได้รับ ความไว้วางใจจากแบรนด์ชั้นนำเป็นพันธมิตรหลัก เปิดให้บริการที่ The Jas Village ในปีนี้ ได้แก่ ปั๊มน้ำมัน Caltex, ฟิตเนส 24 ชั่วโมง Fitness7, Urban FoodVille, Mini BIG C, KFC และพันธมิตรทางการค้าอื่นๆ"นายสุพจน์ กล่าว

นายสุพจน์ กล่าวอีกว่า สำหรับผลการดำเนินงานในปี 62 บริษัทมีรายได้รวม 962.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% จากปีก่อน โดยมีสัดส่วนรายได้ค่าเช่า เป็นรายได้หลัก ราว 50.2% รายได้จากสัญญาที่ทำกับลูกค้า 45.7% และรายได้อื่นๆ 4.1% ขณะที่การควบคุมต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ ต้นทุนค่าเช่าและค่าบริการปรับลดลง ทำให้บริษัทมีกำไรขั้นต้น 169.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.5% จากปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 17.2 ล้านบาท จากปีก่อนขาดทุนสุทธิ 17.4 ล้านบาท

รายได้และกำไรที่เติบโตอย่างมากในปีที่ผ่านมา เป็นผลจากกลยุทธ์มุ่งเน้นการบริหารต้นทุนให้ลดลง และการกระจายกลุ่มธุรกิจให้มีรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น

"แม้ภาพรวมอุตสาหกรรมค้าปลีกในช่วงปีก่อนมีอัตราการเติบโตไม่สูงมากนัก หรือเติบโตที่ประมาณ 2.6% จากกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ชะลอตัวตามสภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งบริษัทอยู่ในกลุ่มของอุตสาหกรรมค้าปลีกที่มีจุดเน้นไปที่การปล่อยพื้นที่ให้เช่าของผู้ค้ารายย่อยที่ขายมือถือและอุปกรณ์เสริมภายใต้ธุรกิจ IT Junction รวมทั้งโครงการพัฒนาศูนย์การค้าประเภทคอมมูนิตี้ มอลล์ และโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย โครงการคอนโดมิเนียม นีเวร่า บริษัทสามารถโอนส่งมอบห้องชุดเรียบร้อยแล้วกว่าครึ่งหนึ่ง จากทั้งหมดของโครงการ เป็นปัจจัยสนับสนุนให้ผลงานพลิกมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 17.2 ล้านบาท พร้อมกับโอกาสในการขยายงานโครงการอย่างต่อเนื่องในปีนี้" นายสุพจน์ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ