KUN วางเป้าดันรายได้ปี 65 โตเท่าตัว ปักหมุดพัฒนาอสังหาฯครบ 4 ทิศรอบกทม.เล็งขยายโซนเหนือ-ใต้

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday March 9, 2020 11:11 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางประวีรัตน์ เทวอักษร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.วิลล่า คุณาลัย (KUN) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าผลการดำเนินงานจะเติบโต 100% หรือมีรายได้เพิ่มขึ้นเป็นไม่ต่ำกว่า 1,200 ล้านบาท ภายใน 3 ปี (63-65) โดยจะขยายพื้นที่พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์แนวราบแบรนด์ "คุณาลัย" ให้ครบ 4 ทิศรอบกรุงเทพฯ จากเดิมที่มีโครวการแล้วในโซนตะวันตก และตะวันออก เพื่อสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่ง

ทั้งนี้ ภายในปี 63 บริษัทตั้งเป้าหมายจะขยายการลงทุนพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบไปในทิศที่ 3 ของกรุงเทพฯ โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาและศึกษาในโซนเหนือและใต้ของกรุงเทพฯ ในเบื้องต้นคาดจะสรุปในไตรมาส 3/63

นางประวีรัตน์ กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทตั้งเป้ายอดขาย 1,200 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนที่มียอดขายราว 1,000 ล้านบาท โดยมีแผนเปิดโครงการใหม่ 2 โครงการ มูลค่ารวม 2,300 ล้านบาท ได้แก่ 1. โครงการ คุณาลัย บีกินส์ 2 มูลค่าโครงการ 800 ล้านบาท จะเปิดขายภายในไตรมาส 2/63 และ 2. โครงการคุณาลัย จอย 2 มูลค่าโครงการ 1,500 ล้านบาท จะเปิดขายภายในไตรมาส 3/63

ทั้ง 2 โครงการสร้างเสร็จบางส่วนก่อนเปิดการขายอย่างเป็นทางการ ซึ่งจะทำให้บริษัทรับรู้รายได้เร็วขึ้น โดยในปี 63 นี้บริษัทคาดผลประกอบการจะทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องจากปีก่อนที่มีรายได้ 652.67 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิที่ 56.31 ล้านบาท คาดว่าจะเติบโตในอัตรา 2 หลักจากการทยอยส่งมอบโครงการในมือตามแผนที่ตั้งไว้

ล่าสุด บริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) มูลค่า 140 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้เข้ามาเป็นรายได้ในปีนี้ทั้งหมด ในขณะเดียวกันบริษัทยังมีสินค้าที่อยู่ระหว่างก่อสร้างและขาย (สต๊อก) มูลค่ารวม 900 ล้านบาท คาดว่าจะสนับสนุนการรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่องในช่วงปี 63-64

นางประวีรัตน์ กล่าวอีกว่า แนวโน้มผลประกอบการในช่วงไตรมาส 1/63 จะเติบโตขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการส่งมอบโครงการตามแผน ประกอบกับการทำตลาดเจาะกลุ่มลูกค้าเฉพาะมากขึ้น และสินค้าที่บริษัทพัฒนาขึ้นสามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้ตรงจุด ส่วนการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) บริษัทฯ ไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากโครงการตั้งอยู่ในโซนชานเมือง และเป็นพื้นที่ของกลุ่มคนเฉพาะ ไม่ได้เป็นพื้นที่สุ่มเสี่ยง

บริษัทตั้งงบลงทุนในการซื้อที่ดินในปีนี้ราว 300-500 ล้านบาท แหล่งเงินทุนจะมาจากการกู้ยืมจากสถาบันการเงินเป็นหลัก โดยปัจจุบันบริษัทมีอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ที่ระดับ 1.05 เท่า ขณะที่มีที่ดินในโซนใหม่ๆ เข้ามาเสนอขายอย่างต่อเนื่อง แต่บริษัทต้องระมัดระวังและใช้เวลาในการพิจารณาตัดสินใจอย่างรอบคอบเพื่อให้เกิดผลตอบแทนที่ดี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ