ตลท.เผย กำไรสุทธิ บจ.SET ในปี 62 ลดลง 5.9% รับผลสงครามการค้า-เงินบาทแข็งค่า

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday March 13, 2020 18:25 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ตลท.เผย กำไรสุทธิ บจ.SET ในปี 62 ลดลง 5.9% รับผลสงครามการค้า-เงินบาทแข็งค่า

นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท) เปิดเผยว่า หลักทรัพย์จดทะเบียนใน SET และ mai จำนวน 704 หลักทรัพย์ หรือคิดเป็น 97.1% จากทั้งหมด 725 หลักทรัพย์ (ไม่รวมกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน บริษัทในกลุ่มที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน หรือ NC และบริษัทที่แก้ไขการดำเนินงานไม่ได้ตามกำหนด หรือ NPG) นำส่งผลการดำเนินงานปี 2562 สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.62 พบว่าหลักทรัพย์ที่รายงานผลกำไรสุทธิมีจำนวน 537 หลักทรัพย์ คิดเป็น 74.6% ของหลักทรัพย์จดทะเบียนที่นำส่งงบการเงินทั้งหมด

ผลการดำเนินงานปี 62 หลักทรัพย์จดทะเบียนใน SET มียอดขายรวม 11,604,409 ล้านบาท ลดลง 2.5% โดยมีกำไรจากการดำเนินงานหลัก (Core operating profit) 896,611 ล้านบาท ลดลง 16.5% และมีกำไรสุทธิ 866,133 ล้านบาท ลดลง 5.9% จากปีก่อน อย่างไรก็ดี ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับผลประกอบการในช่วง 9 เดือนแรกที่ลดลง 15.4% จากปีก่อนหน้า

ผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/62 ค่อนข้างทรงตัวเมื่อเทียบกับไตรมาส 3/62 อย่างไรก็ดี เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/61 หลักทรัพย์จดทะเบียนมียอดขายรวม 2,870,642 ล้านบาท ลดลง 7.6% แต่มีกำไรจากการดำเนินงานหลัก 201,671 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.1% และมีกำไรสุทธิ 198,912 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.2% กลุ่มธุรกิจที่ปรับดีขึ้น มาจากหมวดธุรกิจขนส่ง (สายการบิน) และหมวดพลังงานและสาธารณูปโภค ซึ่งเป็นผลจากสถานการณ์ราคาน้ำมันตกต่ำ ณ สิ้นปี 61

"ในปี 62 หลักทรัพย์จดทะเบียนไทยได้รับผลกระทบค่อนข้างมากจากสงครามทางการค้า เงินบาทที่แข็งค่าขึ้น อัตรากำไรของผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมลดลง และการลดลงของอุปสงค์ในผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี ทำให้กระทบต่อกำไรจากการดำเนินงานหลักและกำไรสุทธิปรับลดลงจากปีก่อน โดยหลักทรัพย์จดทะเบียนไทยมีอัตรากำไรจากการดำเนินงานหลักลดลงมาอยู่ที่ 7.7% เทียบกับในปีก่อนที่ 9.0% ขณะที่อัตรากำไรสุทธิลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 7.0% เทียบกับในปีก่อนที่ 7.3%" นายแมนพงศ์ กล่าว

สำหรับฐานะการเงินของกิจการ ณ สิ้นไตรมาส 4/62 หลักทรัพย์จดทะเบียนไทยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (ไม่รวมอุตสาหกรรมการเงิน) ปรับขึ้นมาอยู่ที่ 1.34 เท่า จากช่วงเดียวกันในปีก่อนที่ 1.30 เท่า

ปี 62 หมวดธุรกิจที่มีผลการดำเนินงานเติบโตได้ดี คือ หมวดอาหารและเครื่องดื่มจากการขยายตลาดไปกลุ่มประเทศ CLMV และหมวดเงินทุนและหลักทรัพย์ ตามการเติบโตของสินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ และสินเชื่อบัตรเครดิต

ด้านผลการดำเนินงานของหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในปี 62 มียอดขายรวม 185,163 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.6% มีกำไรจากการดำเนินงาน 6,760 ล้านบาท ลดลง 7.3% อย่างไรก็ดี ผลของรายการพิเศษในกลุ่มทรัพยากร ส่งผลให้ภาพรวมมีกำไรสุทธิ 9,884 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 91.9% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ