กลุ่มค้าปลีกร่วงยกแผง นำดิ่งโดย HMPRO-CRC โบรกฯปรับลดกำไรปี 63 หลังรับผลกระทบจากคำสั่งปิดห้างฯ

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday March 23, 2020 10:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

หุ้นในกลุ่มค้าปลีก ราคาร่วงยกแผง โดยเมื่อเวลา 10.09 น.ดัชนีกลุ่มค้าปลีกร่วงลง 5.50% มาอยู่ที่ 27,781.60 จุด ลดลง 1,618.33 จุด นำดิ่งโดยหุ้น HMPRO ร่วง 14.47% มาอยู่ที่ 9.75 บาท ลดลง 1.65 บาท มูลค่าซื้อขาย 267.46 ล้านบาท

หุ้น CRC ร่วง 14.17% มาอยู่ที่ 21.20 บาท ลดลง 3.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 442.56 ล้านบาท

หุ้น DOHOME ร่วง 13.57% มาอยู่ที่ 4.84 บาท ลดลง 0.76 บาท มูลค่าซื้อขาย 14.22 ล้านบาท

หุ้น GLOBAL ร่วง 13.04% มาอยู่ที่ 10.00 บาท ลดลง 1.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 19.93 ล้านบาท

บล.กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่า ค้าปลีกผลิตภัณฑ์ตกแต่งบ้านจะได้รับผลกระทบจากคำสั่งปิดห้างสรรพสินค้า 2-3 สัปดาห์ในกรุงเทพฯ และอีก 13 จังหวัด

โดยสาขา บมจ.โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ (HMPRO) และ บมจ.ดูโฮม (DOHOME) ได้รับผลกระทบราว 47% จากทั้งหมด บมจ.สยามโกลบอลเฮ้าส์ (GLOBAL) ที่ 50% กลุ่มสินค้าจำเป็นได้รับผลกระทบจำกัด

พร้อมปรับลดกำไรปี 63 ลง 5.2-8.2% และลดราคาเป้าหมายกลุ่มค้าปลีกผลิตภัณฑ์ตกแต่งบ้าน ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับไวรัสโควิด-19 ยังเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของกลุ่ม

ด้านบล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุว่า การออกมาตรการปิดสถานที่เป็นการชั่วคราวเป็นระยะเวลา 22 วัน คาดว่าจะส่งผลลบต่อตลาดหุ้นไทย เนื่องจากเป็นการแสดงให้เห็นว่า การแพร่ระบาดของ COVID-19 ในประเทศไทยอยู่ในระดับที่น่าเป็นห่วงและหากสถานการณ์การแพร่ระบาดยังไม่ดีขึ้น มีโอกาสมากที่จะเห็นการใช้มาตรการนี้กับจังหวัดอื่นเพิ่มเติม หรือหากสถานการณ์เลวร้ายลง มีโอกาสที่จะเห็นการใช้มาตรการที่เข้มงวดมากขึ้น โดยเฉพาะการบังคับใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง และ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน

สำหรับมาตรการปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว ที่กรุงเทพฯ และ 5 จังหวัด เป็นระยะเวลา 22 วันนี้ จะส่งผลกระทบเป็นลบเป็นส่วนใหญ่กับหลายธุรกิจ เนื่องจากรายได้ที่ลดลง อย่างไรก็ตามมีบางธุรกิจที่จะได้รับผลบวกจากมาตรการนี้เช่นกัน

โดยธุรกิจและบริษัทที่ได้รับผลกระทบเชิงลบคือ

1) ศูนย์การค้า & ห้างสรรพสินค้า (SF, PLAT, CRC, CPN, MBK, AWC)

2) ร้านขายวัสดุก่อสร้างและสินค้าตกแต่งบ้าน (DOHOME, HMPRO, GLOBAL)

3) ศูนย์แสดงสินค้า+ศูนย์ประชุม (IMPACT)

4) ร้านอาหารในห้าง (AU, ZEN, M, OISHI, SNP, CENTEL, MINT)

5) ร้านค้าในห้าง (COM7, JMART, IT, MC, BEAUTY, TKN)

6) โรงภาพยนตร์ (MAJOR)

7) ระบบขนส่งมวลชนสาธารณะ (BEM, BTS)

8) สถานีบริการน้ำมัน (PTG, PTT, ESSO, BCP)

ทั้งนี้ หุ้นที่จะได้รับผลกระทบเชิงลบต่อสัดส่วนกำไรสุทธิมากสุด คือ SF, PLAT, CRC, DOHOME, AU, ZEN, M, MAJOR, JMART, COM7, BEAUTY

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ