(แก้ไข) "วีระ"นั่งรักษาการเอ็มดี METRO ยาว/คาดปี 51 รายได้เพิ่มเป็น 700 ลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday March 12, 2008 12:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายวีระ บูรพชัยศรี ประธานกรรมการบริหาร บมจ. เมโทรสตาร์ พร็อพเพอร์ตี้  (METRO) เปิดเผยว่า จะรักษาการตำแหน่งกรรมการผู้จัดการแทนนายรัตนชัย ผาตินาวินที่เพิ่งลาออกไป ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถทำงานร่วมกับทีมงานได้ต่อไป เพราะที่ผ่านมาได้ร่วมงานอย่างใกล้ชิดอยู่แล้ว 
"ตรงนี้ผมจะรักษาการกรรมการผู้จัดการไว้ก่อนจนกว่าเราจะคัดเลือกดูบุคคลที่เหมาะสม ซึ่งอาจจะมาจากภายในหรือภายนอก แต่จริงๆ แล้ว (การลาออกของนายรัตนชัย)ไม่ได้กระทบกับการทำงาน เพราะที่ผ่านมาผมก็ work กับทีมงานอย่างใกล้ชิด รู้ปัญหาอุปสรรค คนทำงานก็คุ้นเคยกันดี"นายวีระ กล่าวกับ"อินโฟเควสท์
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ขอเวลาประเมินสถานการณ์อีกครั้ง และอาจเสนอคณะกรรมการบริษัทขอรับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการอย่างเต็มตัวเองก็เป็นไปได้
สำหรับรายการขายบิ๊กล็อตหุ้น METRO ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในระยะนี้ และล่าสุดเช้าวันนี้ยังมีรายการเทขายหุ้นผ่านกระดานบิ๊กล็อตอีกถึง 12 รายการ ราว 28.6 ล้านหุ้น นายวีระ ยืนยันว่า ตัวเขาและกลุ่มไม่ได้ขายหุ้นออกไป และกลุ่มยังคงถือหุ้น METRO ในสัดส่วนมากกว่า 50% ดังนั้น รายการบิ๊กล็อตที่เกิดขึ้นล่าสุดคาดว่าเป็นการขายออกไปของกลุ่มนักลงทุนรายย่อย
"ตัวผมเองก็ถือหุ้นมากกว่าครึ่งไม่ได้ไปไหน ก็ยังอยู่ ... ผมไม่มีการขายหุ้นออกไป" นายวีระ กล่าว
ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 5 เม.ย.50 ปรากฎรายชื่อ นายวีระ บูรพชัยศรี ถือหุ้นใหญ่เป็นอันดับหนึ่งใน METRO สัดส่วน 34.37%
ราคาหุ้น METRO เคลื่อนไหวที่ 3.98 บาท เมื่อเวลา 11.52 น. ลบ 0.78 บาท (-16.39%) โดยราคาหุ้นได้ร่วงติดฟลอร์มา 2 วันซ้อน ตั้งแต่วันที่ 10 -11 มี.ค.ที่ผ่านมา จากราคาเปิดตลาดเมื่อวันจันทร์ ที่ราคา 9.65 บาท
*ตั้งเป้าปีนี้รายได้เพิ่มเป็น 700 ลบ.
นายวีระ กล่าวว่า ปีนี้บริษัทตั้งเป้าจะมียอดรับรู้รายได้ 700 ล้านบาท ซึ่งไม่รวมคาดการณ์รายได้จากการขายสินทรัพย์ให้กองทุนอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป้ารายได้ดังกล่าวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้ 413 ล้านบาท ส่วนใหญ่จะมาจากโครงการสาทร แกรนด์ เทอเรส ที่มียอดขายไปแล้ว 80% และคาดว่าจะปิดการขายได้ภายในปีนี้ รวมทั้ง โครงการทาวน์เฮ้าส์ สุขุมวิท 103 ที่เริ่มเปิดขายในต้นปีที่ผ่านมา
สำหรับแผนธุรกิจในปีนี้ บริษัทยังคงจะเปิดขายกองทุนอสังหาริมทรัพย์มูลค่า 2.3 พันล้านบาท แต่คงต้องเลื่อนออกไปจากเดือนมี.ค.นี้ เพื่อผลให้มาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ทั้งการลดภาษีธุรกิจเฉพาะและลดค่าธรรมเนียมการโอนมีผลสมบูรณ์ก่อน เพราะคาดว่าบริษัทจะได้ประโยชน์เพิ่มขึ้นเป็นเงินประมาณ 100 ล้านบาท คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือน
ในปีนี้บริษัทยังตั้งงบลงทุนอีก 1 พันล้านบาท เพื่อหาซื้อที่ดินผืนใหม่เข้ามาเพิ่มโดยเน้นเส้นทางตามแนวทางรถไฟฟ้า เพื่อรองรับพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ในช่วงปี 52-53

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ