นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวลงตามตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ต่างปรับตัวลงราว 1-4% ตามดัชนีดาวโจนส์ที่ร่วงไปกว่า 4% จากความกังวลจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐฯเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทำให้วิตกจะควบคุมการแพร่ระบาดไว้ลำบาก ส่วนบ้านเราก็มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเช่นกัน และอาจจะสูงขึ้นในสัปดาห์นี้หลังจากครบ 7 วันที่ผู้คนได้ทยอยกลับต่างจังหวัด ทำให้ต้องจับตาดูสถานการณ์การแพร่ระบาดในไทยอย่างใกล้ชิดด้วย ซึ่งอาจกดดันให้สัปดาห์นี้ตลาดอาจเผชิญแรงขายทำกำไร
ทั้งนี้ ตลาดฯอาจรับแรงกดดันจากหุ้นในกลุ่มพลังงาน, โรงกลั่น, ปิโตรเคมี หลังจากที่ราคาน้ำมันดิบเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาปรับตัวลง 4.8% และเช้านี้ราคาน้ำมันในตลาดฟิวเจอร์สก็ร่วง 5% แสดงให้เห็นถึง Demand ที่ชะลอตัวมาก
พร้อมให้แนวรับ 1,072-1,050 จุด ส่วนแนวต้าน 1,110-1,124 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (27 มี.ค.63) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,636.78 จุด ร่วงลง 915.39 จุด (-4.06%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,541.47 จุด ร่วงลง 88.60 จุด (-3.37%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,502.38 จุด ร่วงลง 295.16 จุด (-3.79%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 505.36 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 32.48 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 463.43 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 127.70 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 47.39 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 48.78 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 6.86 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (27 มี.ค.63) 1,099.76 จุด เพิ่มขึ้น 7.80 จุด (+0.71%)
- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 226.57 ล้านบาท เมื่อวันที่ 27 มี.ค.63
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ค. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (27 มี.ค.63) ปิดที่ 21.51 ดอลลาร์/บาร์เรล ร่วงลง 1.09 ดอลลาร์ หรือ 4.8%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (27 มี.ค.) อยู่ที่ -0.58 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 32.62 นลท.ยังติดตามสถานการณ์โควิด-19 -มาตรการแก้ปัญหา มองกรอบวันนี้ 32.50-32.65
- 7 แอร์ไลน์ไทยลุยยื่นหนังสือคลังวันนี้ ขอซอฟท์โลน 1.6 หมื่นล้านบาท เสริมสภาพคล่อง หลังโควิด-19 กระทบหนัก "ธรรศพลฐ์" บิ๊กไทยแอร์เอเชียชี้ส่วนใหญ่ยันกระแสเงินสดได้ 3 เดือน ด้าน "ไทยไลอ้อน แอร์" วอนรัฐขยายเวลามาตรการลดค่าใช้จ่าย สายการบิน ให้มีผลย้อนหลังตั้งแต่ มี.ค. จากเดิมมีผล 1 เม.ย.-31 ธ.ค.นี้
- พิษ "โควิด-19" ทุบดัชนีร่วงหนัก "เซียนหุ้น" ยอมรับพอร์ตติดลบถ้วนหน้า "นิเวศน์" ชี้วิกฤติรอบนี้แรงกว่า "ต้มยำกุ้ง" เผยพอร์ตปีนี้ลดลงแล้ว 20% เตรียมเงินสดรอจังหวะเข้าซื้อ เน้นหุ้นพื้นฐานดีที่ลงลึก คุม "พี/อี" ไม่เกิน 10 เท่า ย้ำปันผลต้องเด่น เชื่อดัชนียังมีโอกาสร่วงแรง ขณะ "เสี่ยป๋อง" เน้นถือเงินสด รอแรงขายหมดค่อยซื้อ ด้าน "โจ ลูกอีสาน" บริหารความเสี่ยงผ่าน "ชอร์ตเซล" รอดัชนี 800 จุด อัดเต็มพอร์ต ส่วน "หมอวิน" เน้นเข้าออกเร็วตามรอบ
- "ศักดิ์สยาม" สั่ง ทอท.-ทย. เตรียมพร้อมเคลียร์รันเวย์-หลุมจอด รับเครื่องบินจอดไม่อั้น ขณะที่ทุกโหมดเดินทางขนส่ง โดนผลกระทบโควิด-19 ผู้ใช้บริการลดลง 70-95%
- รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ ได้รับการร้องเรียนจากเกษตรกรชาวสวนปาล์มว่าในช่วงสัปดาห์เดียว ตั้งแต่วันที่ 20-27 มี.ค. 63 ราคารับซื้อผลปาล์มดิบได้ปรับตัวลดลงมาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดราคาลดลงมาต่ำกว่ากิโลกรัม (กก.) ละ 3 บาทแล้ว หรือราคาน้ำมันปาล์มดิบ (ซีพีโอ) มาอยู่ระดับ 23.50 บาทต่อ กก. จากราคาก่อนหน้านี้เกิน กก. ละ 4-6 บาท ต่อ กก.หรือราคาซีพีโอสูงกว่า 30 บาทต่อ กก. จนทำให้เกษตรกรชาวสวนปาล์มได้รับความเดือดร้อน เพราะขายผลผลิตได้ไม่คุ้มกับต้นทุนการผลิต ซึ่งสวนทางกับราคาน้ำมันปาล์มขวดที่ปัจจุบันพบว่าทุกยี่ห้อจำหน่ายอยู่ที่ 42 บาทต่อขวดและเป็นราคาชนเพดานที่กำหนดไว้
- นายปรีดี ดาวฉาย ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า สมาคมธนาคารไทยและธนาคารสมาชิก ได้ออกมาตรการเพิ่มเติมเพื่อบรรเทาปัญหาเรื่องกระแสเงินสดของประชาชนและภาคธุรกิจ ที่จำเป็นต้องเตรียมไว้สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการดำรงชีพหรือดูแลธุรกิจให้ดำเนินต่อไป โดยมีมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ใช้ผลิตภัณฑ์บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคลเช่าซื้อลีสซิ่ง สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย และสินเชื่อธุรกิจ SME ซึ่งยังไม่เป็นหนี้ค้างชำระเกินกว่า 90 วัน หรือเอ็นพีแอล มีผลตั้งแต่งวดการชำระหนี้วันที่ 1 เม.ย.2563
- นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ความคืบหน้านโยบายการปรับโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (เอ็นจีวี) ในระยะยาว หลังจาก บมจ.ปตท. ต้องรับภาระส่วนต่างราคามากว่า 10 ปีนั้น เมื่อเร็วๆ นี้ ได้ประชุมนัดแรกร่วมกับนายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก และนายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. เบื้องต้นได้ข้อสรุปเห็นตรงกันว่า การพิจารณาช่วยสนับสนุนส่วนต่างราคาเอ็นจีวี ในส่วนของรถโดยสารสาธารณะแต่อยู่ภายใต้เงื่อนไขต้องช่วยลดราคา ค่าโดยสารให้กับประชาชนด้วย เนื่องจากผู้ประกอบการรถโดยสารสาธารณะ มีต้นทุนค่าเชื้อเพลิงลดลงแล้ว
*หุ้นเด่นวันนี้
- BEM (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ" ราคาหุ้นสะท้อนปัจจัยลบแล้ว ปรับเป้าลงเป็น 10.5 บาท จาก 11.5 บาท การปิดสถานที่สำคัญ รณรงค์ให้คนอยู๋บ้าน/work from home คาดผู้ใช้ทางด่วนและรถไฟฟ้าเดือน มี.ค. -15%, -25% Y-Y ตามลำดับและจะลดหนักใน Q2/63 บนสมมติฐานผู้โดยสารทยอยฟื้นตัวตั้งแต่กลางปีและกลับมาเดินทางปกติปลาย Q3/63 โดยปรับกำไรปี 2563 ลง 31% เป็น 3.1 พันล้านบาท +6% Y-Y การเปิดเส้นสีน้ำเงินเต็มเส้นจะได้ประโยชน์ในปี 2564 มากกว่าปีนี้ แต่ถ้า โควิด-19 ยืดเยื้อ ผู้คน work from home ถึง Q4/63 กำไรปีนี้อาจ -40% Y-Y แต่ราคาเป้าหมายยังสูงกว่าราคาหุ้นปัจจุบัน
- CPALL (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า IAA Consensus 88 บาท ได้อานิสงส์ประชาชนกักตุนสินค้าหนุนยอดขาย CPALL และ MAKRO (CPALL ถือหุ้น 38%) เพิ่มขึ้น และคาดว่า CPALL จะได้ประโยชน์มากสุดจากมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อของภาครัฐ (คืนค่าประกันมิเตอร์ไฟฟ้า 21 ล้านครัวเรือนมูลค่า 30,000 ล้านบาท และแจกเงินภาคแรงงาน 5,000 บาทต่อราย เป็นเวลา 3 เดือน วงเงินรวม 45,000 ล้านบาท)