ทริสฯ จัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่มีประกันวงเงินไม่เกิน 1 หมื่นลบ. BCP ที่ระดับ "A/Stable"

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday March 30, 2020 14:47 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด คงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกันชุดปัจจุบันของ บมจ. บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) ที่ระดับ "A" พร้อมทั้งคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ด้อยสิทธิลักษณะคล้ายทุนของบริษัทที่ระดับ "BBB+" นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 1 หมื่นล้านบาทของบริษัทที่ระดับ "A" ด้วย โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปใช้ชำระคืนเงินกู้เดิมของบริษัท รวมถึงเพื่อการขยายธุรกิจและเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทด้วย

อันดับเครดิตยังคงสะท้อนถึงความสามารถในการแข่งขันที่แข็งแกร่งของบริษัทในธุรกิจโรงกลั่นน้ำมัน รวมถึงสถานะทางการตลาดที่มั่นคงในธุรกิจการตลาดเชื้อเพลิง และประโยชน์ที่ได้รับจากการกระจายความหลากหลายของธุรกิจ ในทางตรงข้าม อันดับเครดิตถูกลดทอนลงบางส่วนจากความผันผวนของราคาน้ำมันและการเพิ่มขึ้นของภาระหนี้เพื่อสนับสนุนการลงทุนของบริษัท

สำหรับปี 2562 บริษัทมีผลการดำเนินงานเป็นไปตามประมาณการของทริสเรทติ้ง โดยบริษัทมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย ทั้งสิ้น 9.9 พันล้านบาท ในขณะที่มีหนี้สินทางการเงินที่ปรับปรุงแล้วจำนวน 5.37 หมื่นล้านบาท ณ สิ้นปี 2562 ดังนั้น อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายของบริษัทอยู่ที่ 5.4 เท่า ณ สิ้นปี 2562

จากสถานการณ์ในปัจจุบันสำหรับการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ได้เพิ่มแรงกดดันให้แก่ค่าการกลั่น เนื่องจากความต้องการใช้เชื้อเพลิงมีแนวโน้มลดลง นอกจากนี้ สงครามราคาน้ำมันที่เกิดขึ้นเป็นเหตุให้ราคาน้ำมันดิบลดลงอย่างมากในเดือนมีนาคม 2563 ดังนั้นบริษัทอาจจะต้องรับรู้ขาดทุนจากสินค้าคงคลัง (Inventory Loss) อย่างมากในไตรมาสที่ 1 ของปี 2563 เช่นเดียวกับโรงกลั่นน้ำมันอื่น ๆ ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งมองว่าราคาน้ำมันดิบน่าจะอยู่ในระดับต่ำในระยะสั้นและจะเริ่มกลับเพิ่มสูงขึ้นในปี 2564 เป็นต้นไป นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดว่าบริษัทจะปรับลดค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนลงหากการแพร่ระบาดยังคงยืดเยื้อออกไป เพื่อรักษากระแสเงินสดให้เพียงพอต่อการชำระคืนหนี้เงินกู้

แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" สะท้อนถึงการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะสามารถดำรงสถานะที่แข็งแกร่งในธุรกิจกลั่นน้ำมันและธุรกิจการตลาดของบริษัทเอาไว้ได้ ในขณะที่การลงทุนในโครงการผลิตไฟฟ้านั้นคาดว่าจะสร้างกระแสเงินสดที่แน่นอนให้แก่บริษัทซึ่งจะช่วยลดผลกระทบจากความผันผวนของราคาน้ำมันได้บางส่วน

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง ปัจจัยที่มีผลในเชิงบวกต่ออันดับเครดิตของบริษัท ได้แก่ การที่บริษัทสามารถเพิ่มกระแสเงินสดจำนวนมากได้อย่างสม่ำเสมอจากการกระจายธุรกิจโดยที่ไม่ส่งผลกระทบทำให้โครงสร้างเงินทุนของบริษัทอ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญ ในขณะที่ปัจจัยที่มีผลในเชิงลบต่ออันดับเครดิตอาจเกิดขึ้นจากการที่โครงสร้างเงินทุนของบริษัทอ่อนแอลงอย่างมากจากการลงทุนขนาดใหญ่โดยการก่อหนี้เป็นหลัก หรือการที่บริษัทประสบผลขาดทุนอย่างมากจากการดำเนินงานหรือจากการลงทุน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ