TAPAC-W4 ปิดเทรดวันแรกที่ 0.64 บาท มูลค่าซื้อขาย 124.65 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 0.61 บาท ราคาขึ้นสูงสุด 0.90 บาท และราคาลงต่ำสุด 0.55 บาท
ขณะที่หุ้น TAPAC ปิดที่ 5.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง มูลค่าซื้อขาย 2.43 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 5.00 บาท ราคาขึ้นสูงสุด 5.10 บาท และราคาลงต่ำสุด 4.96 บาท
บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ฯประเมินมูลค่าที่เหมาะสมของใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ ของ บมจ.ทาพาโก้ (TAPAC) ครั้งที่ 4 ใช้ชื่อย่อว่า TAPAC-W4 ที่ 0.32 บาท (BSM) อิงราคาหุ้นแม่ที่ 5.00 บาท โดยมีความผันผวนของหุ้นแม่ที่ 42% และคิดเป็น All-in Premium ที่ 86% ในด้านต้นทุนของผู้ได้รับ TAPAC-W4 อยู่ที่ 0.10 บาท/หุ้น (ราคาหุ้นแม่ลดลง 0.05 บาท/หุ้น หลังขึ้นเครื่องหมาย)
แม้ว่าแนวโน้มการดำเนินงานของบริษัทในช่วงไตรมาส Q1/63 (สิ้นสุด 31 ม.ค. 2563) จะเพิ่มขึ้น 49% YoY จากยอดขายของผลิตภัณฑ์พลาสติก, แม่พิมพ์รวมไปถึงการขายที่ดินที่สวีเดนที่ฟื้นตัวขึ้นจะเป็นปัจจัยบวกต่อหุ้น แต่ด้วยสภาพคล่องที่ค่อนข้างต่ำ (เฉลี่ย 6 เดือนวันละไม่ถึง 5 ล้านบาท) ทำให้ TAPAC จะมีความเสี่ยงด้านสภาพคล่องที่สูง และทำให้การเก็งกำไรทำได้ยาก อีกทั้งราคาที่ประเมินยังคิดเป็น Implied Volatility ที่สูงถึง 85%
พร้อมให้กรอบมูลค่า TAPAC-W4 ไว้ที่ 0.21-0.45 บาท ขณะที่ราคาหุ้น TAPAC เคลื่อนไหวในกรอบ 4.50-5.50 บาท โดยมี Volatility 42% per year
TAPAC ผลิตชิ้นส่วนพลาสติกสำหรับเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีบริษัทย่อย ทาพาโก้โมลด์ จำกัด ผลิตแม่พิมพ์ฉีดพลาสติก ซึ่งเป็นธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกัน นอกจากนี้ได้มีการขยายการลงทุนไปในธุรกิจก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ในประเทศสวีเดน นอกจากนี้ ยังได้ขยายธุรกิจไปยังธุรกิจค้าปลีกเครื่องสำอาง และลงทุนในบริษัทอื่นผ่านบริษัทย่อยอีกด้วย
TAPAC-W4 จำนวนที่ออก 205.93 ล้านหน่วย จัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมในอัตราส่วน 2 หุ้นเดิม : 1 หลักทรัพย์แปลงสภาพ อัตราใช้สิทธิ 1 : 1 @ 9.00 บาท อายุ 2 ปี โดยสามารถใช้สิทธิได้ทุกวันทำการสุดท้ายของเดือน มิ.ย. และ ธ.ค.(ใช้สิทธิได้ครั้งแรกในวันที่ 30 มิ.ย. 2563 และหมดอายุในวันที่ 18 มี.ค. 2565)