ฟิทช์ จัดอันดับเครดิตระยะยาวโครงการตราสารหนี้ใหม่ของ PTT วงเงิน 4.4 หมื่นลบ. ที่ระดับ AAA(tha)

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday April 15, 2020 12:01 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศจัดอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวโครงการออกตราสารหนี้ (MTN Program) ของบมจ. ปตท. (PTT) หรือ ปตท. มูลค่าหุ้นกู้รวมไม่เกิน 4.4 หมื่นล้านบาท ที่ระดับ ‘AAA(tha)’ หุ้นกู้ที่ออกภายใต้โครงการดังกล่าวจะเป็นหุ้นกู้ไม่มีหลักประกันและไม่ด้อยสิทธิ มีอายุไม่เกิน 30 ปี และจะได้รับการจัดอันดับเครดิตในระดับเดียวกันกับอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของบริษัทฯ เนื่อง จากหุ้นกู้ดังกล่าวมีสถานะเท่าเทียมกับหนี้ไม่มีหลักประกัน และไม่ด้อยสิทธิของบริษัทฯ

ปัจจัยที่มีผลต่ออันดับเครดิต

ความสัมพันธ์กับภาครัฐฯ ในระดับสูง: อันดับเครดิตของปตท. เท่ากับสถานะเครดิตโดยลำพัง (Standalone Credit Profile) ของปตท. ซึ่งอยู่ที่ ‘bbb+’ แต่หากสถานะเครดิตโดยลำพังของ ปตท. ถูกปรับลดลงในอนาคต อันดับเครดิตของปตท. ก็จะถูกปรับให้เท่ากับอันดับเครดิตของประเทศไทย (ซึ่งมีอันดับเครดิตที่ ‘BBB+’ แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ) ภายใต้หลักเกณฑ์การจัดอันดับเครดิตองค์กรที่มีความสัมพันธ์กับภาครัฐฯ (Government-Related Entities Rating Criteria) ของฟิทช์

ฟิทช์มองว่าสัดส่วนการถือหุ้นและการควบคุมของภาครัฐฯ ต่อปตท. อยู่ในระดับปานกลาง โดยรัฐบาลถือหุ้นโดยตรงในปตท. ในสัดส่วนร้อยละ 51 และมีส่วนในการคัดเลือกคณะกรรมการบริษัทฯ แต่ระดับการเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการกำหนดกลยุทธ์ การดำเนินงาน และการดำเนินการทางการเงินในระดับปฏิบัติการ ของภาครัฐฯอยู่ในระดับปานกลาง

นอกจากนี้ ฟิทช์มองว่าการสนับสนุนจากภาครัฐฯ ต่อปตท. อยู่ในระดับสูง แม้ว่าที่ผ่านมาไม่ได้มีการให้การสนับสนุนทางการเงินแก่บริษัทฯ เนื่องจากปตท. มีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ฟิทช์คาดว่าภาครัฐฯ น่าจะให้การสนับสนุนทางการเงินแก่ปตท. ในกรณีที่บริษัทมีความต้องการ เนื่องจากปตท. มีความสำคัญในเชิงกลยุทธ์และเป็นตัวจักรสำคัญในธุรกิจน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในประเทศไทย

ฟิทช์มองว่าผลกระทบต่อสังคมและการเมืองในกรณีที่ปตท. ผิดนัดชำระหนี้อยู่ในระดับสูง เนื่องจาก ปตท. เป็นผู้จัดหาก๊าซธรรมชาติรายเดียวให้กับผู้ผลิตไฟฟ้าของภาครัฐฯ และก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้าของประเทศ ซึ่งหากมีการผิดนัดชำระหนี้เกิดขึ้น ฟิทช์คาดว่าน่าจะมีผลกระทบต่อการจัดหาก๊าซธรรมชาติสำหรับใช้ภายในประเทศเป็นอย่างมาก ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการผลิตไฟฟ้าและความมั่นคงทางพลังงานของประเทศ นอกจากนี้ฟิทช์คาดว่าการผิดนัดชำระหนี้อาจจะมีผลกระทบต่อการกู้ยืมของภาครัฐฯ และองค์กรที่มีความสัมพันธ์กับภาครัฐฯ อื่นๆ ด้วย

แรงกดดันจากกำไรที่ลดลง: อัตราส่วนทางการเงินที่ใช้ในการพิจารณาอันดับเครดิตของ ปตท. ในปี 2563 จะได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันและราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีที่ปรับตัวลดลง ซึ่งน่าจะทำให้กำไรจากธุรกิจโรงแยกก๊าซและการขายก๊าซธรรมชาติให้แก่โรงงานอุตสาหกรรมลดลง ในขณะที่อุปสงค์ที่ลดลงเนื่องจากสถานะการณ์โคโรนาไวรัส น่าจะทำให้กระแสเงินสดจากการดำเนินงานของธุรกิจการกลั่นน้ำมันและปิโตรเคมีปรับตัวลดลง อย่างไรก็ตาม ฟิทช์คาดว่าผลประกอบการของบริษัทฯ น่าจะปรับตัวดีขึ้นในปี 2564 ตามอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นหลังจากสถานะการณ์โคโรนาไวรัสดีขึ้น แต่ก็ยังคงต่ำกว่าระดับที่บริษัทฯ ทำได้ในปี 2562

ฟิทช์คาดว่ากระแสเงินสดจากการดำเนินงานจากธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมจะปรับตัวลดลงไม่มาก เมื่อเทียบกับราคาน้ำมันที่ลดลง เนื่องจากปตท. มีสัดส่วนของปริมาณการขายก๊าซธรรมชาติอยู่ในระดับสูงที่ร้อยละ 71 ของปริมาณการขายทั้งหมด รวมถึงการที่บริษัทฯ มีการทำสัญญาขายล่วงหน้าเพื่อประกันราคาน้ำมันของการขายน้ำมันบางส่วนซึ่งจะช่วยให้รายได้ไม่ลดลงมาก ราคาขายก๊าซธรรมชาติจะปรับตามราคาน้ำมันเตาในสัดส่วนประมาณร้อยละ 30 และจะใช้เวลา 3-24 เดือนในการปรับราคาซึ่งขึ้นอยู่กับเงื่อนไขในสัญญาซื้อขาย

SCP Rating Headroom ลดลง: ฟิทช์คาดว่าสถานะทางการเงินของ ปตท. จะยังคงสอดคล้องกับอันดับเครดิตโดยลำพังของบริษัทฯ ที่ระดับ ‘bbb+’ แม้ว่า Rating Headroom จะลดลง ฟิทช์คาดว่าอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อกระแสเงินสดจากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงของเงินทุนหมุนเวียน (FFO net leverage) ของปตท. จะเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ระดับประมาณ 2.5 เท่าในปี 2563 (ปี 2562 อยู่ที่ 1.8 เท่า) และค่อยปรับลดลงสู่ระดับ 2 เท่าใน 2-3 ปีข้างหน้า ปตท. มีความยืดหยุ่นในการปรับแผนการลงทุน โดยบริษัทฯ กล่าวว่ากำลังพิจารณาทบทวนแผนการลงทุนซึ่งสามารถปรับลดได้ถึงร้อยละ 20-30 ในปี 2563

ธุรกิจสำรวจและผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติปรับตัวดีขึ้น: ปริมาณสำรองน้ำมันและก๊าซธรรมชาติของบมจ. ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) หรือ ปตท. สผ. เพิ่มขึ้น จากการเข้าซื้อกิจการธุรกิจสำรวจและผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเมื่อปีที่แล้ว รวมถึงการชนะการประมูลแหล่งก๊าซธรรมชาติบงกชและเอราวัณ แม้ว่าปริมาณสำรองน้ำมันและก๊าซธรรมชาติยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าระดับเฉลี่ยของบริษัทสำรวจและผลิตปิโตรเลียมที่ฟิทช์จัดอันดับเครดิตในกลุ่ม ‘BBB’ ปริมาณสำรองน้ำมันและก๊าซธรรมชาติต่อการผลิตของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 7.5 ปี ในปี 2562 จาก 5.2 ปีในปี2561 ซึ่งบริษัทฯ คาดว่าจะรักษาระดับปริมาณสำรองน้ำมันและก๊าซธรรมชาติต่อการผลิตอยู่ที่ประมาณ 7 ปีในช่วงสามปีข้างหน้านี้

นอกจากนี้ ปริมาณการผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติในช่วงห้าปีข้างหน้าน่าจะเพิ่มขึ้น แม้ว่าจะมีความท้าทายจากสถานะการณ์โคโรนาไวรัสในปี 2563 ปตท. สผ.มีแผนที่จะเริ่มการผลิตในโครงการต่างๆ ซึ่งประกอบด้วยโครงการ Sabah H ในปี 2563 และโครงการ Algeria HBR phase I ในปี 2564 นอกจากนี้สัญญาใหม่ในแหล่งก๊าซธรรมชาติบงกชและเอราวัณยังช่วยเพิ่มการผลิตในปี 2565-2566 อีกด้วย

ความเป็นบริษัทน้ำมันและก๊าซธรรมชาติครบวงจร: อันดับเครดิตของ ปตท. สะท้อนถึงการดำเนินธุรกิจน้ำมันและก๊าซธรรมชาติแบบครบวงจร และความมีเสถียรภาพจากการที่ ปตท. มีขนาดธุรกิจกลางน้ำและปลายน้ำที่มีขนาดใหญ่และมั่นคง ซึ่งประกอบด้วยธุรกิจจัดหาและจัดจำหน่ายและขนส่งก๊าซธรรมชาติ ธุรกิจจำหน่ายปลีกน้ำมัน ธุรกิจโรงกลั่นน้ำมัน และธุรกิจปิโตรเคมี โดยธุรกิจเหล่านี้ช่วยลดผลกระทบจากผลการดำเนินงานของธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมที่ปรับตัวลดลงมาตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปี 2557

กระแสเงินสดจากการดำเนินงานของธุรกิจก๊าซที่มีความสม่ำเสมอ: สถานะทางการเงินของ ปตท. ได้รับประโยชน์จากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานของธุรกิจก๊าซธรรมชาติที่มีความสม่ำเสมอเมื่อเทียบกับธุรกิจน้ำมัน อันเป็นผลมาจากอุปสงค์ที่มีความมั่นคง และสัญญาการจัดจำหน่ายระยะยาวซึ่งมีการกำหนดปริมาณการซื้อขั้นต่ำจากคู่สัญญาในลักษณะ take-or-pay รวมถึงโครงสร้างราคาที่สามารถส่งผ่านต้นทุนการขายให้แก่ลูกค้าได้ อัตราการทำกำไรของธุรกิจท่อขนส่งก๊าซธรรมชาติและสถานีรับ-จ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว และการขายก๊าซธรรมชาติให้แก่โรงไฟฟ้าและโรงแยกก๊าซ ไม่ได้รับผลกระทบจากความผันผวนของราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติมากนัก

เนื่องจากเป็นรายได้ที่มาจากค่าให้บริการตามที่กำหนดไว้และโครงสร้างราคาที่สามารถส่งผ่านต้นทุนการขายให้แก่ลูกค้าได้ อย่างไรก็ตามกำไรจากธุรกิจโรงแยกก๊าซและการขายก๊าซธรรมชาติให้แก่โรงงานอุตสาหกรรม ได้รับผลกระทบจากความผันผวนของราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่สูงกว่า เนื่องจากการปรับราคาของต้นทุนก๊าซธรรมชาติตามสัญญาการซื้อขายระยะยาว จะช้ากว่าการปรับราคาของราคาผลิตภัณฑ์

การกำหนดอันดับเครดิตโดยสรุป

ปตท. เป็นบริษัทน้ำมันและก๊าซธรรมชาติครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจก๊าซธรรมชาติขั้นกลางและขั้นปลายเพียงรายเดียว เป็นหนึ่งในบริษัทสำรวจและผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติรายใหญ่ของประเทศ และเป็นผู้นำในธุรกิจน้ำมันและปิโตรเคมี ฟิทช์มองว่าสัดส่วนการถือหุ้นและการควบคุมของภาครัฐฯ ต่อปตท. อยู่ในระดับปานกลาง ซึ่งอยู่ในระดับต่ำกว่าเมื่อเทียบกับ Petroliam Nasional Berhad (PETRONAS) (A-/Stable) ที่อยู่ในระดับสูง เนื่องจากระดับที่ภาครัฐฯ เข้ามายุ่งเกี่ยวกับการกำหนดกลยุทธ์และการดำเนินงานของ ปตท. ที่น้อยกว่า ฟิทช์มองว่าการสนับสนุนจากภาครัฐฯ ต่อปตท. อยู่ในระดับสูง เช่นเดียวกับของ PETRONAS ที่แม้ว่าที่ผ่านมาไม่ได้มีการสนับสนุนทางการเงินให้กับบริษัทฯ เนื่องจากมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ฟิทช์คาดว่าภาครัฐ น่าจะสนับสนุนทางการเงินให้ในกรณีที่บริษัทมีความต้องการ

ฟิทช์มองว่าผลกระทบต่อสังคมและการเมืองในกรณีที่บริษัทฯ ผิดนัดชำระหนี้ของ PETRONAS อยู่ในระดับสูงมาก เนื่องจาก PETRONAS มีความสำคัญอย่างมากในธุรกิจสำรวจและผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ และการนำเข้าน้ำมันเพื่อความมั่นคงทางพลังงานของประเทศ ในขณะที่ของ ปตท. อยู่ในระดับสูง ซึ่งสะท้อนถึงการที่ ปตท. มีส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณร้อยละ 40 ในธุรกิจน้ำมันและมีการแข่งขันจากผู้ประกอบเอกชนการรายอื่นด้วย นอกจากนี้ฟิทช์คาดว่าการผิดนัดชำระหนี้อาจจะมีผลกระทบต่อการกู้ยืมของภาครัฐฯ และองค์กรที่มีความสัมพันธ์กับภาครัฐฯ อื่นๆ ของ ปตท. อยู่ในระดับสูง แต่อยู่ในระดับต่ำกว่ากว่าเมื่อเทียบกับ PETRONAS ที่อยู่ในระดับสูงมาก เนื่องจาก PETRONAS มีสถานะเป็นผู้กู้ยืมที่ใกล้ความเป็นภาครัฐฯ มากกว่า

สมมุติฐานที่สำคัญ

สมมุติฐานที่สำคัญของฟิทช์ที่ใช้ในการประมาณการ

  • ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ที่ราคา 35 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรลในปี 2563, 45 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรลในปี 2564, 53 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรลในปี 2565, 55 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรลในปี 2566 และปีถัดๆไป
  • ปริมาณการขายของธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 ต่อปีโดยเฉลี่ย ในปี 2563-2567 (ปี 2562 เพิ่มขึ้นร้อยละ 15)
  • EBITDA จากธุรกิจก๊าซธรรมชาติ และธุรกิจปิโตรเคมีและโรงกลั่นน้ำมันลดลงในปี 2563 เนื่องจากอุปสงค์ที่อ่อนแอ
  • ค่าใช้จ่ายเพื่อการลงทุนเพิ่มขึ้นในปี 2563-2564 (2562 มีการลงทุนทั้งสิน 1.59 แสนล้านบาท)
  • การจ่ายเงินปันผลประมาณร้อยละ 50 ของกำไร

ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต

ปัจจัยบวก

  • อันดับเครดิตที่ AAA(tha) เป็นอันดับเครดิตภายในประเทศที่สูงที่สุดแล้ว

ปัจจัยลบ

  • อันดับเครดิตโดยลำพังของ ปตท. ต่ำกว่าอันดับเครดิตสากลของประเทศไทย โดยที่ความสัมพันธ์กับภาครัฐฯ ลดลง

สภาพคล่อง

สภาพคล่องที่แข็งแกร่ง: สภาพคล่องของ ปตท. ได้รับการสนับสนุนจากเงินสดที่มีอยู่จำนวนมากถึงประมาณ 3.1 แสนล้านบาท ณ สิ้นปี 2562 เมื่อเทียบกับหนี้ที่ครบกำหนดชำระในอีก 12 เดือนข้างหน้าจำนวน 9.6 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้บริษัทยังมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง และสามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้ได้ง่าย รวมทั้งบริษัทฯ ยังมีภาระการชำระคืนหนี้ที่บริหารจัดการได้ โดยมีอายุเฉลี่ยของหนี้ที่ครบกำหนดชำระประมาณ 9.2 ปี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ