KTC เผยกำไร Q1/63 เพิ่มขึ้นจากงวดปีก่อน จากจำนวนสมาชิกบัตร-ยอดลูกหนี้ขยายตัวดี ,คาดผลกระทบโควิด เห็นชัดเจนใน Q2

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday April 17, 2020 18:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บัตรกรุงไทย (KTC) หรือเคทีซี เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/63 ตามมาตรฐานบัญชีใหม่ TFRS 9 บริษัทกำไรสุทธิ 1,641 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากกำไรสุทธิ 1,589 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากจำนวนสมาชิกบัตรเครดิตและยอดลูกหนี้ขยายตัวดี ค่าใช้จ่ายทางการเงิน และหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) อยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ

"ภาพรวมของการดำเนินงานของเคทีซีในไตรมาสแรกถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดี มีการเติบโตทั้งรายได้และผลกำไร รายได้หนี้สูญได้รับคืนอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ขณะเดียวกันสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายทางการเงินและหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม รวมถึงปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในช่วง 2 เดือนแรก (มกราคม-กุมภาพันธ์) ของปี 2563 ยังมีอัตราขยายตัว 10% ในขณะที่อุตสาหกรรมเติบโต 6.2%"นายระเฑียร กล่าว

นายระเฑียร กล่าวว่า ผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 1/63 ตามมาตรฐานบัญชีใหม่ TFRS 9 บริษัทยังสามารถทำรายได้รวมเท่ากับ 5,669 ล้านบาท โดยมีรายได้ค่าธรรมเนียมเท่ากับ 1,183 ล้านบาท และรายได้ดอกเบี้ย (รวมค่าธรรมเนียมในการใช้วงเงิน) เท่ากับ 3,615 ล้านบาท ขณะที่มีค่าใช้จ่ายรวม (ไม่รวมภาษีเงินได้) อยู่ที่ 3,631 ล้านบาท แบ่งเป็น ค่าใช้จ่ายในการบริหารงาน 1,929 ล้านบาท ผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (หนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญ) เท่ากับ 1,308 ล้านบาท และต้นทุนทางการเงิน 394 ล้านบาท ตามลำดับ

สำหรับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้รวม (NPLs) 4.01% (ถ้าเป็นภายใต้มาตรฐานการรายงานทางการเงินเดิมจะเท่ากับ 1.21%) เงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้และดอกเบี้ยค้างรับรวม (ยอดลูกหนี้การค้ารวม) เท่ากับ 82,102 ล้านบาท ฐานสมาชิกรวม 3.5 ล้านบัญชี เพิ่มขึ้น 5.6% แบ่งเป็น พอร์ตสมาชิกบัตรเครดิต 2,593,947 บัตร เพิ่มขึ้น 10.4% เงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้บัตรเครดิตและดอกเบี้ยค้างรับรวม (ยอดลูกหนี้บัตรเครดิต) 52,137 ล้านบาท ปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเท่ากับ 50,167 ล้านบาท เติบโต 2.2% NPLs บัตรเครดิตตามมาตรฐานใหม่ TFRS 9 อยู่ที่ 3.44% พอร์ตสมาชิกสินเชื่อบุคคลเคทีซีเท่ากับ 926,729 บัญชี ลดลง 6.0% จากการปิดบัญชีที่ไม่เคลื่อนไหว เงินให้สินเชื่อแก่ลูกหนี้สินเชื่อบุคคลและดอกเบี้ยค้างรับรวม (ยอดลูกหนี้สินเชื่อบุคคล) 29,965 ล้านบาท NPLs สินเชื่อบุคคลตามมาตรฐานใหม่ TFRS 9 อยู่ที่ 4.99%

อย่างไรก็ตาม เมื่อสถานการณ์ของไวรัสสายพันธุ์ใหม่ โควิด-19 ได้มีการแพร่ระบาดไปทั่วโลก จนกลายเป็นวิกฤติรุนแรงที่ส่งผลกระทบกับธุรกิจเกือบทุกประเภท ต่อเนื่องมาถึงชีวิตความเป็นอยู่และภาคการใช้จ่ายของประชาชน และมีผลให้การเติบโตของพอร์ตลูกหนี้และปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเคทีซีเริ่มได้รับผลกระทบตามไปด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เคทีซีได้ติดตามและประเมินผลกระทบของสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 และคาดว่าสถานการณ์และผลกระทบจะเริ่มเห็นได้ชัดเจนในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มีการบังคับใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) แล้วอย่างเต็มที่

"ภารกิจของเคทีซีที่เราจะต้องคิดวิเคราะห์ให้ถ้วนถี่ในช่วงเวลานี้คือ การหากลยุทธ์ที่จะนำพาเคทีซีฝ่าวิกฤตินี้ไปอย่างไรให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด และจะเตรียมพร้อมรับมืออย่างไรหลังวิกฤติโควิด-19 เพราะโลกหลังจากนี้จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป (New Normal) อีกทั้งจะเร่งวิเคราะห์ พัฒนาปรับปรุงกระบวนงานทั้งระบบ (End to End Process Improvement) ปรับลดความซ้ำซ้อนและซับซ้อน เสริมสร้างการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ครอบคลุมทุกมิติ ควบคู่ไปกับการดูแลรักษาคุณภาพของพอร์ตสินเชื่อทั้งบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลให้ดีที่สุด"นายระเฑียร กล่าว

นายระเฑียร กล่าวอีกว่า บริษัทยังได้สนับสนุนภาครัฐในการออกมาตรการผ่อนผันช่วยเหลือแบ่งเบาภาระลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ตามนโยบายของกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อย่างเต็มที่ โดยปรับลดอัตราผ่อนชำระของบัตรเครดิตจากเดิม 10% เหลือ 5% ตั้งแต่เดือนเมษายน 2563 ส่วนลูกหนี้สินเชื่อบุคคล "เคทีซี พราว" (KTC PROUD) ปัจจุบันได้รับอัตราผ่อนชำระขั้นต่ำ 3% ซึ่งอยู่ในแนวทางการให้ความช่วยเหลือดังกล่าวอยู่แล้ว นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมจะออกมาตรการเพื่อช่วยเหลือลูกค้าเพิ่มเติมในวันที่ 20 เมษายน 2563 ที่จะถึงนี้อีกด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ