โบรกฯเชียร์"ซื้อ"JWD ลงทุนยาวเชื่อรักษาผลงานทั้งปีทรงตัวจากแผนกระจายลงทุน แม้ Q2/63 ทำจุดต่ำสุดรับผลกระทบโควิด

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday April 29, 2020 14:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์ แนะนำ"ซื้อ"หุ้น บมจ.เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ (JWD) ลงทุนระยะยาว มองผลประกอบการทั้งปีทรงตัวจากปีก่อน แม้สถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 กดดันผลประกอบการไตรมาส 2/63 ให้เป็นช่วงต่ำสุดของปี แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทมีการกระจายการลงทุนไปในหลากหลายธุรกิจ

ทั้งนี้ ธุรกิจคลังเย็นได้ลูกค้าใหม่เป็นกลุ่มร้านอาหารที่ต้องหันมาให้บริการ Delivery ผลักดันอัตราการเช่าสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่คลังสินค้าทั่วไปมีการใช้บริการเพิ่มขึ้นจากผู้ส่งออกที่ต้องเก็บสินค้านานขึ้นจากอุปสรรคของการขนส่ง ส่วนคลังเก็บสินค้าเคมีภัณฑ์ได้ลูกค้ารายใหญ่ อย่างกลุ่ม ปตท.เข้ามาเช่าใช้

แต่อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์โควิด-19 เกิดผลกระทบต่อลูกค้ากลุ่มธุรกิจยานยนต์อย่างมีนัยสำคัญ รองลงมาเป็นคลังสินค้าทั่วไปที่แม้อัตราเช่าใช้ยังสูงแต่อาจต้องลดค่าเช่าลง ส่วนธุรกิจลานวางสินค้าอันตรายได้รับผลกระทบจากจีนปิดประเทศทำให้สินค้าผ่านเข้า-ออกชะลอลงใน เม.ย.แต่คาดว่าจะฟื้นตัวขึ้นเป็นลำดับ

พักเที่ยงราคาหุ้น JWD อยู่ที่ 6.45 บาท ลดลง 0.10 บาท หรือ 1.53% ขณะที่ดัชนีหุ้นไทย เพิ่มขึ้น 0.58%

          โบรกเกอร์           คำแนะนำ           ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
          กสิกรไทย              ซื้อ               10.00
          ทิสโก้                 ซื้อ               10.00
          หยวนต้า               ซื้อ                8.00
          เคทีบี		        ซื้อ		    7.80
นายสรพงษ์ จักรธีรังกูร ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์ บล.กสิกรไทย มองว่า หุ้น JWD เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มองการลงทุนระยะยาว โดยในปีนี้คาดว่าผลประกอบการจะทรงตัวจากปีก่อน แม้ว่าจะมีผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เนื่องจากบริษัทมีการกระจายการลงทุนไปในหลากหลายธุรกิจ ซึ่งธุรกิจหลักอย่างห้องเย็น และคลังสินค้า มีการเติบโตค่อนข้างดี แต่ในส่วนของยานยนต์ และลานสำหรับพักสินค้าอันตราย ได้รับผลกระทบจากการหยุดการผลิต และการขนส่งสินค้าที่ทำได้ยากขึ้น
แต่อย่างไรก็ตาม ช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าผลประกอบการจะเริ่มกลับมาฟื้นตัวได้ จากการเริ่มกลับมาเดินเครื่องผลิตอีกครั้งของอุตสาหกรรมต่างๆ การผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ และประเทศจีนเริ่มกลับมาผลิตได้เต็มที่
"ในส่วนของ JWD ที่ถือว่ามีการกระจายการลงทุน และรับรู้รายได้ในหลายธุรกิจ แม้ว่าจะมีบางธุรกิจได้รับผลกระทบ แต่บางธุรกิจก็ได้รับผลดี ส่งผลให้รายได้ยังคงทรงตัวจากปีก่อน ซึ่งเมื่อเทียบกับบริษัทอื่นๆที่ผลประกอบการลดลงมากยังถือว่าเป็นบริษัทที่น่าสนใจในการลงทุน และในปี 64 คาดว่าผลประกอบการจะกลับมาเติบโตได้เป็นปกติ"นายสรพงษ์ กล่าว
ด้าน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า คาดกำไรไตรมาส 1/63 ของ JWD ยังคงสามารถเติบโตได้เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยได้รับปัจจัยหนุนจากธุรกิจคลังห้องเย็นที่มีพื้นที่ใหม่เพิ่มขึ้นจากคลังห้องเย็นอาคาร 8 ที่เปิดให้บริการในช่วงไตรมาส 3/62 ประกอบกับ อัตราการใช้พื้นที่ยังสูงกว่า 85% จากลูกค้าเดิมที่สต็อกของเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอาหารทะเลและเนื้อไก่ ประกอบกับได้ลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น รวมไปถึงธุรกิจคลังสินค้าทั่วไปและคลังเคมี JCS เป็นผลจากมีลูกค้าทำสัญญาเช่าระยะยาวตั้งแต่ช่วงก่อนเกิดโควิด-19 และลูกค้าบางส่วนมีปัญหาการส่งออก ทำให้มีสินค้าในคลังสูงขึ้น
ทั้งนี้ ผลประกอบการในช่วงไตรมาส 2/63 คาดว่าจะเป็นจุดต่ำสุดของปี จากผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่ภาพรวมคาดว่าจะกระทบไม่มาก เนื่องจากยังมีบางธุรกิจที่ได้รับผลบวก ได้แก่ คลังห้องเย็น ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบจากธุรกิจให้บริการรับฝากและบริหารยานยนต์ที่จะได้รับผลกระทบจากยอดผลิตรถยนต์ปีนี้ที่ปรับตัวลดลง
ขณะที่คาดว่าผลประกอบการจะเริ่มฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลัง โดยลูกค้าจะกลับมาใช้บริการมากขึ้นหากสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ และบริษัทจะเปิดให้บริการคลังห้องเย็นใหม่อาคาร 9 ในช่วงไตรมาส 4/63 เพิ่มเติมด้วย
ส่วน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า จากเดิมที่บริษัทวางงบลงทุนไว้ราว 1,000 ล้านบาท ในปีนี้บริษัทมีแผนชะลอการลงทุนที่ไม่จำป็นออกไปทั้งหมด เหลือเงินลงทุนใหญ่ คือ คลัง 9 เป็นคลังสินค้าควบคุมอุณหภูมิเพราะมีการใช้งานเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจนแตะระดับเฉลี่ยที่ 80% แล้ว ใช้เงินลงทุนไม่เกิน 250 ล้านบาท คาดเริ่มสร้างรายได้ภายในไตรมาส 1/64
หยวนต้าฯ ยังมีมุมมองเชิงบวกต่อผลกระทบของ JWD ที่ยังแข็งแกร่งแม้มีผลกระทบบ้างแต่น้อยกว่าคาด เนื่องจากธุรกิจคลังเย็นที่มีกลุ่มอาหารทะเลและเนื้อไก่ รวมถึงได้ลูกค้าใหม่กลุ่มร้านอาหารที่ปิดหน้าร้านและมาให้บริการ Delivery มากขึ้นทำให้อัตราการเช่าสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่คลังสินค้าทั่วไปมีการใช้เพิ่มขึ้นเพราะลุกค้าติดเรื่องการส่งออกทำให้ต้องเช่าคลังนานขึ้น ส่วนคลัง JCS ที่เป็นเคมีภัณฑ์ได้ลูกค้าใหญ่กลุ่ม ปตท.เช่าใช้ทำให้อัตราการเช่าสูงขึ้นเช่นกัน
สำหรับในช่วงไตรมาส 2/63 การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จะกระทบต่อกลุ่มธุรกิจยานยนต์มากที่สุดในระดับที่มีนัยสำคัญ รองลงมาเป็นคลังสินค้าทั่วไปที่แม้อัตราการเช่าใช้ยังสูง แต่อาจต้องมีการลดค่าเช่าลงบ้างในช่วงสั้น ส่วนธุรกิจลานวางสินค้าอันตรายได้รับผลกระทบจากจีนปิดประเทศทำให้สินค้าผ่านเข้า-ออกชะลอลงบ้างในเดือน เม.ย. แต่คาดว่าจะฟื้นตัวขึ้นเป็นลำดับหลังจีนเริ่มเปิดประเทศ ขณะที่การงดเว้นวันหยุดสงกรานต์ทำให้วันทำงานเพิ่มขึ้นช่วยลดผลกระทบได้ระในระดับหนึ่ง ส่วนธุรกิจคลังเย็นยังมีการใช้บริการค่อนข้างเต็ม

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ