"Weekly Highlight" (5-8 พ.ค.) คว้าโอกาสทำกำไรกับ "Sell in May" ลุ้น SET ทะยาน 1,370 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday May 5, 2020 08:55 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

"Weekly Highlight" สัปดาห์นี้ (5-8 พ.ค.) เจาะลึกกับข่าวสารสำคัญ ในรอบสัปดาห์ประจำวันที่ 5 พฤษภาคม 2563

เริ่มต้นกับการสรุปภาพรวมตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์ที่แล้ว (27-30 เม.ย.) SET INDEX ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.4% จากสัปดาห์ก่อน และสามารถปิดบวกยืนเหนือ 1,300 จุดได้อีกครั้ง ส่งผลให้ตลอดทั้งเดือน เม.ย.SET INDEX ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 15.6% โดยกลุ่มหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมากสุด 3 ลำดับแรก ได้แก่ กลุ่มมีเดียเพิ่มขึ้นสูงสุด 35.6% รองลงมาคือกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง เพิ่มขึ้น 29.9% และสุดท้ายคือ กลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เพิ่มขึ้น 26.7%

แม้ว่าตามสถิติ 10 ปีย้อนหลังภาพรวมดัชนีตลาดหุ้นไทยในเดือน พ.ค. จะติดลบถึง 7 ปีในรอบ 10 ปี เฉลี่ยลดลง 0.50-3.00% ทำให้นักลงทุนนิยามการลงทุนในช่วงเดือนนี้ว่าเป็นภาวะ "Sell in May and go away"

สอดคล้องดัชนีตลาดหุ้นไทยในเดือน พ.ค.ของปีนี้ ที่ยังมีความเสี่ยงปรับตัวลดลง ส่วนหนึ่งเกิดจากแรงกดดันการประกาศผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนในไตรมาสแรกที่จะทยอยประกาศเป็นจำนวนมากช่วง 2 สัปดาห์แรก ซึ่งผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ก่อให้เกิดเป็นปัญหาวิฤติเศรษฐกิจตามมา

สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลก พบว่าขณะนี้มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นมากกว่า 3.5 ล้านราย และมียอดผู้เสียชีวิตสะสมรวมเกือบ 250,000 ราย โดยประเทศสหรัฐอเมริกายังคงรั้งอันดับหนึ่งของโลกที่พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และมีผู้เสียชีวิตมากที่สุด ตามมาด้วยสเปน และอิตาลี

ด้านสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ในไทยส่งสัญญาณดีขึ้นเป็นลำดับ เป็นเหตุผลให้รัฐบาลไทยตัดสินใจผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์ในเฟสแรกในกิจการที่มีความเสี่ยงต่ำ 6 กลุ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 3 พ.ค.ที่ผ่านมานับว่าสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลอีกหลายประเทศที่เริ่มผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์ไปแล้วในช่วงก่อนหน้านี้ แม้ว่าจะยังพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ แต่มีทิศทางเพิ่มขึ้นในอัตราชะลอลง

ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 รายงานสถานการณ์เมื่อวันที่ 4 พ.ค.พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั้งสิ้น 18 ราย ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นแรงงานต่างด้าวในศูนย์กักกันในจังหวัดสงขลา ส่งผลให้จำนวนผู้ป่วยสะสมรวมทั้งสิ้น 2,987 ราย ส่วนผู้ที่รักษาหายแล้วมีจำนวน 2,740 ราย และคงยอดผู้เสียชีวิตสะสมรวม 54 ราย

นายประกิต สิริวัฒนเกตุ ผู้อำนวยการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ ประเมินภาพรวมดัชนีตลาดหุ้นไทยในเดือน พ.ค. มีโอกาสปรับฐานช่วงสั้น ก่อนจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวอีกครั้งช่วงกลางเดือน พ.ค.เป็นต้นไป เบื้องต้นประเมินแนวต้านสำคัญไว้ที่ 1,370 จุด

แม้ว่านักลงทุนรับรู้ถึงผลกระทบจากการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ที่มีต่อผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน แต่เชื่อว่าในระยะถัดไปภาวะเศรษฐกิจกลับมาดีขึ้นหลังจากรัฐบาลผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์ภาคธุรกิจ ประกอบกับธนาคารกลางหลายแห่งทั่วโลกอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบเป็นมูลค่ามหาศาล เป็นปัจจัยบวกสนับสนุนการฟื้นตัวของสินทรัพย์เสี่ยง

เช่นเดียวกับแนวโน้มราคาน้ำมันที่คาดว่ากำลังผ่านพ้นจุดต่ำสุดหลังจากปรับตัวลดลงแรงในช่วงก่อนหน้า เป็นตามนโยบายลดกำลังการผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกที่จะเกิดขึ้นในช่วงถัดไป ดังนั้นจึงมองเป็นโอกาสทยอยสะสมหุ้นเพิ่มหากดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับฐานใกล้ระดับ 1,200 จุด

"แม้ว่ากำไรบริษัทจดทะเบียนไตรมาสแรกที่จะทยอยประกาศกันออกมาจะไม่สดใส แต่มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะออกมาดีกว่าที่ Consensus ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่าจะทำได้ 1.5 แสนล้านบาท เป็นปัจจัยบวกให้กับตลาดฯตั้งแต่ช่วงกลางเดือน พ.ค. นอกจากนั้นยังมีปัจจัยบวกเพิ่มเติมคือการคลายล็อกดาวน์หนุนภาคธุรกิจกลับมามีบรรยากาศที่ดีขึ้น"นายประกิต กล่าว

สำหรับสัปดาห์นี้ (5-8 พ.ค.) ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 32.20-32.50 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ข้อมูลเงินเฟ้อไทยเดือน เม.ย. สถานการณ์ภายหลังการเปิดเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ และผลการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางอังกฤษ ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร การจ้างงานภาคเอกชนของ ADP และดัชนี PMI/ISM ภาคบริการเดือนเม.ย. ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนมี.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

https://youtu.be/C2mnpeAtiNA


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ