(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์ก: ผิดหวังผลประกอบการ ฉุดดาวโจนส์ปิดร่วง 226.47 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday July 25, 2007 06:29 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 200 จุดเมื่อคืนนี้ (24 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังผลประกอบการของบริษัทหลายแห่ง อาทิ บริษัทดูปองท์ และอเมริกัน เอ็กซ์เพรส นอกจากนี้ ตลาดยังคงได้รับผลกระทบจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับธุรกิจปล่อยกู้จำนองในสหรัฐ
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 226.47 จุด หรือ 1.62% ปิดที่ 13,716.95 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 รูดลง 30.53 จุด หรือ 1.98% ปิดที่ 1,511.04 จุด และดัชนี Nasdaq ร่วงลง 50.72 จุด หรือ 1.89% ปิดที่ 2,639.86 จุด
ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ประมาณ 2 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 10 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ประมาณ 2.52 พันล้านหุ้น
หุ้นบริษัทดูปองท์ซึ่งเป็นผู้ผลิตเคมีภัณฑ์รายใหญ่ของสหรัฐร่วงลงหนักสุด หลังจากบริษัทรายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ที่ทรงตัวจากไตรมาสแรก ขณะที่หุ้นบริษัทอเมริกัน เอ็กซ์เพรสปรับตัวลง หลังจากบริษัทเปิดเผยว่าตัวเลขกำไรไตรมาส 2 ขยับขึ้นเพียง 12% เนื่องจากผู้ถือบัตรเครดิตผิดนัดชำระหนี้มากขึ้น
นายโจ เรนิเอร์ นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์คาแน็คคอร์ด อดัมส์ แสดงความคิดเห็นว่า "การที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงกว่า 200 จุดเมื่อคืนนี้ถือเป็นสถานการณ์ที่ค่อนข้างปกติ เนื่องจากดัชนีดาวโจนส์ทะยานขึ้นร้อนแรงที่เหนือระดับ 14,000 จุดก่อนที่บริษัทหลายแห่งจะเริ่มรายงานผลประกอบการ และเมื่อผลประกอบการออกมาน่าผิดหวัง จึงทำให้นักลงทุนเทขายหุ้นออกมา นอกจากนี้ นักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงกังวลเรื่องธุรกิจปล่อยกู้จำนองให้กับลูกค้ากลุ่มซับไพร์มในสหรัฐ"
"ผมคาดว่าตลาดหุ้นนิวยอร์กจะยังคงได้รับอิทธิพลจากรายงานผลประกอบการของบริษัทเอกชนต่อไปอีกในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า เนื่องจากนักลงทุนต้องการนำผลประกอบการไตรมาส 2 มาประเมินแนวโน้มผลประกอบการในช่วงครึ่งหลังของปีนี้" นายเรนิเอร์กล่าว
ทั้งนี้ หุ้นดูปองท์ร่วงลง 6.3% หุ้นอเมริกัน เอ็กซ์เพรส ดิ่งลง 5.4% ขณะที่หุ้นแมคโดนัลด์ปรับตัวลง 95 เซนต์ ปิดที่ 51.55 ดอลลาร์ หลังจากบริษัทแมคโดนัลด์เปิดเผยยอดขายในอเมริกาเหนือที่ไม่ต่างจากที่ตลาดวอลล์สตรีทคาดการณ์ไว้มากนัก
ส่วนหุ้นเอทีแอนด์ทีรูดลง 35 เซนต์ ปิดที่ 39.68 ดอลลาร์ แม้บริษัทเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 2 พุ่งขึ้น 61% ซึ่งเป็นผลมาจากการเข้าซื้อบริษัทเบลล์เซาท์ ขณะที่หุ้นคันทรีไวด์ ไฟแนนเชียล ดิ่งลง 10.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 2 ร่วงลงอย่างรุนแรง เพราะได้รับผลกระทบจากปัญหาที่เกิดขึ้นในธุรกิจปล่อยกู้จำนองให้กับลูกค้ากลุ่มซับไพร์ม

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ