บมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU) รายงานผลประกอบการไตรมาสแรกปี 63 ด้วยยอดขาย 31,103 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.9%เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปีก่อนหน้า และนับเป็นยอดขายไตรมาสแรกที่ดีที่สุดในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา ยอดขายเติบโตขึ้นจากปริมาณการขายของธุรกิจอาหารทะเลบรรจุกระป๋องที่เพิ่มขึ้นถึง 24.5% อยู่ที่ 99,599 ตัน เนื่องจากผู้บริโภคทั่วโลกมีการจับจ่ายอาหารกระป๋องในช่วงสถานการณ์ไวรัสโคโรน่าหรือโควิด-19 ด้านกระแสเงินในไตรมาสแรกของบริษัทมีมากกว่า 1 พันล้านบาท สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการบริหารกระแสเงินสดของบริษัท
กำไรจากการดำเนินงานในไตรมาสแรกอยู่ที่ 1,529 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49.9% เนื่องจากการควบคุมต้นทุนและการทำกำไรอย่างมีประสิทธิภาพ อัตราค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายอยู่ที่ 11.3% เทียบกับ 11.4%ในช่วงไตรมาสแรกของปีก่อนหน้า
อย่างไรก็ดี กำไรสุทธิปรับลดลง 20.2% เนื่องจากผลกระทบจากโควิด-19 ที่มีต่อการลงทุนเชิงกลยุทธ์ของบริษัทและการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา
ในส่วนของยอดขายนั้น ธุรกิจอาหารทะเลแปรรูปมียอดขายอยู่ที่ 15,631 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.2% ธุรกิจอาหารแช่แข็งและธุรกิจที่เกี่ยวข้องมีปริมาณการขายลดลงเพียง 1.1% อยู่ที่ 61,179 ตัน ในขณะที่ยอดขายลดลง 5.1% มาอยู่ที่ 10,944 ล้านบาท เนื่องจากผลกระทบจากโควิด-19 ที่มีต่อช่องทางจำหน่ายในธุรกิจโรงแรมร้านอาหารต่างๆ
ส่วนธุรกิจผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงและผลิตภัณฑ์เพิ่มมูลค่ามียอดขายเพิ่มขึ้น 3.3% อยู่ที่ 4,528 ล้านบาท ด้วยกลยุทธ์ที่ให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ที่มีอัตราการทำกำไรสูง
ทั้งนี้ หากแบ่งตามกลุ่มลูกค้า ยอดขายในอเมริกาเหนือ มีสัดส่วน 43% ของยอดขายรวมทั้งหมด ในขณะที่ตลาดยุโรป คิดเป็น 30%ตลาดประเทศไทยมีสัดส่วน 11% และยอดขายตลาดอื่นๆ คิดเป็น 16%
นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TU กล่าวว่า ในไตรมาสแรกของปีนี้สถานการณ์ไวรัสโคโรน่าหรือโควิด-19 ส่งผลกระทบรุนแรงทั่วโลก ซึ่งในช่วงวิกฤตดังกล่าว TU ให้ความสำคัญด้านสุขภาพและความปลอดภัยในการดูแลพนักงานและการดำเนินธุรกิจ เพื่อให้เราสามารถผลิตสินค้าให้กับผู้บริโภคทั่วโลกในอย่างปลอดภัยและมั่นใจ