PHOL มองแนวโน้มธุรกิจ Q2/63 โตจากดีมานด์สินค้าด้านความปลอดภัย-อาชีวอนามัยเพิ่มรับมือโควิด ดันกำไร Q1/63 พุ่งแรง

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday May 15, 2020 15:58 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

PHOL มองแนวโน้มธุรกิจ Q2/63 โตจากดีมานด์สินค้าด้านความปลอดภัย-อาชีวอนามัยเพิ่มรับมือโควิด ดันกำไร Q1/63 พุ่งแรง

นายบุญชัย สุวรรณวุฒิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ผลธัญญะ (PHOL) เปิดเผยว่า แนวโน้มธุรกิจในช่วงไตรมาส 2/63 คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาสแรกที่ผ่านมา จากความต้องการสินค้าด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย อุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคล และอุปกรณ์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ที่ยังมีความจำเป็นต้องใช้งานต่อเนื่องในสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยบริษัทอาจปรับเปลี่ยนแผนการดำเนินงานในบางส่วนไปมุ่งเน้นตลาดสินค้าอุปกรณ์ทางการแพทย์ หรือสินค้าในกลุ่ม Health care

เนื่องจากวิกฤติโควิด-19 มองว่าจะทำให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม คนจะหันมาสนใจดูแลตนเองและให้ความสำคัญในเรื่องความปลอดภัยมากขึ้น รวมถึงลูกค้าหลักในอุตสาหกรรม ซึ่งแต่ละสถานประกอบการมีความจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้นในสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 เป็นโอกาสในการขยายตลาดสินค้าของบริษัทได้เพิ่มเติมทั้งในกลุ่มลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ สนับสนุนให้รายได้ทั้งปีโต 10-15% ตามแผน

สำหรับผลประกอบการงวดไตรมาส 1/63 บริษัทมีกำไรสุทธิ 30.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 142.67% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 12.51 ล้านบาท และมีรายได้จากการขายและให้บริการรวมอยู่ที่ 273.35 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.91% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 239.97 ล้านบาท โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นหลักมาจากการจัดจำหน่ายสินค้าด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย อุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคล และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง อันเนื่องมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้มีความต้องการใช้สินค้าดังกล่าวเพิ่มขึ้นในหลายกลุ่มลูกค้า

ส่งผลให้กำไรขั้นต้นอยู่ที่ 85.76 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.42 ล้านบาท หรือ 37.56% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนมีกำไรขั้นต้น 62.34 ล้านบาท และมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้นมาที่ 31.37% เทียบกับงวดเดียวกันปีก่อน 25.98% ด้านค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารอยู่ที่ 51.09 ล้านบาท ผันแปรเพิ่มขึ้นตามการขายที่เพิ่มขึ้น

ไตรมาส 1/63 กลุ่มสินค้าเพื่อความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน หรือ SAFETY มีรายได้จำนวน 213.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 9.19% คิดเป็นสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 78.22% ขณะที่กลุ่มสินค้าเพื่อการควบคุมสภาพแวดล้อม หรือ CE มีรายได้ 53.26 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 30.11% สัดส่วนรายได้อยู่ที่ 19.48%

รายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากการขายสินค้าเพื่อสร้างความปลอดภัยในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยเฉพาะกลุ่มอุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคล ได้แก่ ชุดป้องกันสารเคมีและเชื้อโรค หน้ากาก ถุงมือ เป็นต้น นอกจากนี้บริษัทยังจัดหาสินค้าอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องมาจำหน่ายเพิ่มเติม เช่น อุปกรณ์ตรวจวัดอุณหภูมิ น้ำยาฆ่าเชื้อ เจลแอลกอฮอล์ เป็นต้น เพื่อตอบสนองความต้องการทั้งกลุ่มลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ในหลากหลายกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มโรงพยาบาลและสาธารณสุข ที่บริษัทให้ความสำคัญในการมีส่วนร่วมช่วยเหลือวิกฤติโควิด-19

สำหรับธุรกิจด้านระบบบำบัดน้ำเพื่ออุปโภคหรือบริโภค หรือ WATER ซึ่งมีสัดส่วนอยู่ที่ 2.3% นั้นมีรายได้ 6.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 95.13% จากการขายสินค้าและการให้บริการติดตั้งโครงการระบบน้ำในกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม

"รายได้และกำไรที่เพิ่มขึ้นในไตรมาสแรกของปีนี้ เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 ส่งผลให้มีความต้องการสินค้าเพื่อความปลอดภัยเพิ่มขึ้นในหลายกลุ่มลูกค้า ทั้งในกลุ่มโรงพยาบาลและสาธารณสุข กลุ่มตัวแทนจำหน่าย กลุ่มลูกค้าใหม่ที่ต้องการสินค้าเพื่อใช้งาน รวมถึงเพื่อนำไปช่วยเหลือบุคลากรทางการแพทย์ นอกจากนี้ กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมบางกลุ่มยังมีการสั่งซื้อสินค้าเพิ่มขึ้นเพื่อป้องกันการขาดแคลนสินค้าเนื่องจากมีผลต่อกระบวนการผลิต อย่างไรก็ตาม ลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมในบางกลุ่มก็มีการชะลอคำสั่งซื้อออกไปบ้างจากผลกระทบสถานการณ์โควิด ซึ่งหากสถานการณ์การแพร่ระบาดมีทิศทางที่ดีขึ้น คาดว่าลูกค้าจะเริ่มมีการสั่งซื้อสินค้าเพิ่มขึ้น" นายบุญชัย กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ