นางนงราม วงษ์วานิช รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) เชื่อว่าในปี 50 ตลาดหุ้นไทยจะมีมูลค่าการซื้อขายหลักทรัพย์เป็นไปตามเป้าหมายที่เฉลี่ย 1.8 หมื่นล้านบาท/วัน แม้ว่าในช่วงต้นปีมูลค่าการซื้อขายจะลดลงจากสถานการณ์การเมืองแต่ขณะนี้เริ่มฟื้นตัวกลับมาเฉลี่ยที่ 1.3-1.4 ล้านบาท/วัน เป็นผลจากการซื้อขายของนักลงทุนโดยเฉพาะต่างชาติ และการขยายฐานไปยังนักลงทุนรายย่อยเพิ่มขึ้นทั้งที่ซื้อขายผ่านอินเตอร์เน็ต(อินเตอร์เน็ตเทรดดิ้ง) หรือการเปิดสาขาของบริษัทหลักทรัพย์ผ่านธนาคารพาณิชย์ "ตอนนี้ตลาดเริ่มกลับมาในทิศทางที่ดี บรรยากาศก็คึกคักขึ้น ซึ่งจะทำให้มูลค่าการซื้อขายในสิ้นปีนี้มาปิดที่ 1.8 หมื่นล้านบาทต่อวัน ถึงแม้ในช่วงแรกวอลุ่มจะน้อย" นางนงราม กล่าว สำหรับพอร์ตการลงทุนของตลท. ในครึ่งปีแรก มีอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยประมาณ 4% แม้จะต่ำกว่าที่ตั้งเป้าไว้ที่ 5% แต่ก็เป็นระดับที่ ตลท.พอใจ โดยยังคาดหวังว่าในครึ่งปีหลังจะได้อัตราผลตอบแทนที่ตั้งเป้าไว้ได้ ในช่วงที่ผ่านมา ตลท.ได้ขยายการลงทุนในกองทุนต่างประเทศ(FIF)เพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาที่สัดส่วน 3-4% และจะทยอยเพิ่มให้เต็มเพดาน 5% ซึ่งปัจจุบันก็ยังคงสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ 55%, หุ้น 35% และกองทุนอสังหาริมทรัพย์ 5% โดยสัดส่วนการลงทุนดังกล่าวจะยังไม่มีการปรับเปลี่ยนแต่อย่างใด นางนงราม กล่าวว่า ภายในสิ้นปีนี้จะได้ข้อสรุปแนวทางชัดเจนเรื่องสถานที่ตั้งสำนักงานตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแห่งใหม่ในย่านรัชดา (ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ตั้งของร้านป.กุ้งเผา) ซึ่ง ตลท.อาจมีแนวทางรองรับในกรณียังไม่ได้รับมอบที่ดินในปีนี้ โดยอาจขยายพื้นที่บริเวณนอร์ธปาร์ค หรือ การซื้อที่ดินใหม่ "ตอนนี้เรายังไม่อยากดำเนินการรุนแรงกับทางป.กุ้งเผา ซึ่งเรายังมีการเจรจาอยู่และพยายามเปิดทุกช่องทางเพื่อที่จะได้ข้อสรุป แต่หากถึงที่สุดแล้ว ก็คงต้องดำเนินการฟ้องร้อง"นางนงราม กล่าว