นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.กรุงไทย ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะปรับตัวขึ้นก่อนแต่คงจะไม่แรง เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ส่วนใหญ่จะเคลื่อนไหวในแดนบวก ขานรับหลายประเทศทยอยเปิดการท่องเที่ยว โดยสเปน และเยอรมนี ก็จะเปิดให้มีการท่องเที่ยว รวมถึงไทยด้วยที่จะเปิดให้คนไทยเริ่มท่องเที่ยวกันเองภายในประเทศ ทำให้คาดว่าจะมีแรงเก็งกำไรเข้ามาที่หุ้นกลุ่มท่องเที่ยว, โรงแรม และ AOT ซึ่งจะเป็น Sentiment หนุนตลาด
อย่างไรก็ดี จะต้องจับตาสถานการณ์ระหว่างจีน และฮ่องกง โดยวันนี้การประท้วงในฮ่องกงคงจะเริ่มรุนแรงขึ้น ในช่วงรอผลการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีน ส่วนวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ก็คงจะค่อย ๆ ทยอยออกมาอย่างต่อเนื่อง
สำหรับบ้านเราให้เริ่มจับตาการเมืองในประเทศ และให้ติดตามการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) วันนี้ คาดว่าจะพิจารณาในเรื่องการคลายล็อกดาวน์ เฟส 3 และการปรับลดเวลาเคอร์ฟิว
ทั้งนี้ ตลาดได้ปรับตัวขึ้นไปมากแล้วโดยที่ไม่มีอะไรมารองรับ แต่ในทางเทคนิคยังไม่เข้าเขต Overbought ทำให้ตลาดยังมีโอกาสที่จะไปต่อได้ แต่ก็ให้ระวังแรงขายทำกำไรสลับออกมาด้วยในระหว่างทาง
พร้อมให้แนวรับ 1,323-1,318 จุด ส่วนแนวต้าน 1,345-1,352 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (26 พ.ค.63) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,995.11 จุด พุ่งขึ้น 529.95 จุด (+2.17%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,991.77 จุด เพิ่มขึ้น 36.32 จุด หรือ +1.23% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 9,340.22 จุด เพิ่มขึ้น 15.63 จุด (+0.17%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 21.86 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 0.77 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 130.48 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 26.72 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ ลดลง 1.88 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 2.97 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 10.15 จุด, ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ เพิ่มขึ้น 3.14 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (26 พ.ค.63) 1,336.09 จุด เพิ่มขึ้น 15.11 จุด (+1.14%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,297.88 ล้านบาท เมื่อวันที่ 26 พ.ค.63
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ค. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (26 พ.ค.63) ปิดที่ 34.35 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.10 ดอลลาร์ หรือ 3.3%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (26 พ.ค.) อยู่ที่ -0.18 ดอลลาร์/บาร์เรล
- เงินบาทเปิด 31.88 ทรงตัวจากวานนี้ แม้ดอลล์อ่อน ตลาดรอความชัดเจนการพัฒนาวัคซีน-สถานการณ์สหรัฐฯและจีน
- วันนี้ (27 พ.ค.) ศาลล้มละลายกลางนัดฟังคำสั่งว่าจะรับคำร้องขอเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการของบมจ.การบินไทยหรือไม่ ขณะที่การบินไทยเปิดรายชื่อ 6 อรหันต์ผู้จัดทำแผนฟื้นฟูกิจการ ด้านนายกรัฐมนตรีตั้ง 9 ซุปเปอร์บอร์ด ดัน "วิษณุ" นั่งหัวโต๊ะเป็นตัวแทนรัฐบาลเป็นตัวกลางติดตามกระบวนการฟื้นฟูกิจการ หลังการบินไทยพ้นสถานะรัฐวิสาหกิจ ด้านคลังรอใช้สิทธิ์เจ้าหนี้และผู้ถือหุ้นใหญ่
- ครม.มีมติขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินถึง 30 มิ.ย. นายกฯ สั่งเตรียมมาตรการฟื้นฟู เศรษฐกิจ-ท่องเที่ยวรับคลายล็อกเฟส 3-4 ขณะที่โฆษก ศบค.แจงปมต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จำเป็นต้องรวบอำนาจ เหตุพ.ร.บ.โรคติดต่อเกิดปัญหากรณีทำงานระหว่างกระทรวง ด้านสมาคมโรงแรมประเมินโรงแรมเริ่มเปิดบริการเดือน มิ.ย.นี้
- นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า การระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ความต้องการใช้ถุงมือยางเพิ่มสูงขึ้นหลายเท่าตัว เพราะเป็นอุปกรณ์ป้องกันที่จำเป็นสำหรับบุคลากรทางการแพทย์ ขณะที่ประชาชนหันมาใช้ถุงมือยางเพื่อป้องกันเชื้อโรคมากขึ้น ส่งผลให้ในช่วง 4 เดือน (ม.ค.-เม.ย.63) ไทยสามารถส่งออกถุงมือยางไปตลาดโลกได้มูลค่าสูงถึง 449 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 16% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับตลาดที่ไทยมีความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ด้วย เช่น จีนส่งออกมูลค่า 31 ล้านเหรียญฯ เพิ่ม 129.5%
- นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า ในสัปดาห์นี้ สศค.จะรายงานตัวเลขผลการจัดเก็บรายได้ของ 3 กรมภาษี ประกอบด้วย กรมสรรพากร กรมสรรพสามิต และกรมศุลกากร ให้นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง รับทราบ หลังพบว่าตัวเลขรายได้ภาษีจากทั้ง 3 กรมปรับตัวลดลงกว่าประมาณการทั้งหมด เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้กรมภาษีต้องออกมาตรการช่วยเหลือประชาชน ด้วยการชะลอและลดการจัดเก็บรายได้บางส่วนลง
*หุ้นเด่นวันนี้
- CPALL (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า IAA Consensus 80 บาท เป็นหุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์มากสุดจากมาตรการเยียวและกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐเนื่องจากมีสาขากระจายครอบคลุมทุกพื้นที่ในประเทศ นอกจากนี้ราคาหุ้น CPALL ยัง laggard จากหุ้นค้าปลีกอื่น ๆ ในช่วงที่ผ่าน
- BDMS (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 23 บาท ผู้บริหารคาดรายได้ปีนี้อาจหดตัว 10-15% แต่มีแนวทางบริหารจัดการต้นทุน โดยใน 3 ไตรมาสที่เหลือจะลดต้นทุนให้ได้ไม่ต่ำกว่า 2 พันล้านบาท ทั้งนี้ กำไร Q1/63 ที่ดีกว่าคาดมาจากค่าใช้จ่ายขายและบริหารที่ลดลงอย่างมีนัย ด้านจำนวนผู้ใช้บริการเริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้นในเดือน พ.ค. หลังเริ่มทยอยผ่อนคลายการล็อกดาวน์ แต่ลูกค้าต่างชาติ Fly-in ต้องรอการเปิดน่านฟ้าและคาดใช้ว่าจะเริ่มทยอยกลับมาในครึ่งปีหลัง โดยยังคงประมาณการกำไรปกติทั้งปี -15% Y-Y และฟื้นตัว +21 Y-Y ปีหน้า