โบรกฯเชียร์"ซื้อ" CPF คาดกำไร Q2/63 ดีกว่างวดปีก่อนราคาหมูสูงหนุน ,ดีล Tesco Asia จบ Q4

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday June 2, 2020 15:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์ต่างเชียร์"ซื้อ"หุ้น บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) เล็งกำไรงวดไตรมาส 2/63 ดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในประเทศจีนเริ่มดีขึ้น และ CPF น่าจะได้รับผลกระทบจำกัด อีกทั้งราคาหมู ไก่ กุ้ง ยังอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะราคาหมูในเวียดนาม หลังเผชิญการแพร่ระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) ส่งผลให้อุปทานลดลง ซึ่ง CPF คาดว่าราคาหมูในเวียดนาม กัมพูชา และลาวจะยังอยู่ในระดับสูงต่อไปอีก 1-2 ปี

ทั้งนี้ อุปสงค์-อุปทานของธุรกิจสัตว์บกในประเทศจะเข้าสู่สมดุลมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง หลังรัฐบาลคลายล็อกดาวน์ ขณะที่ยังมีมุมมองบวกต่อบริษัท Hylife ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนของ CPF และ ITOCHU Corporation ที่ประเทศแคนาดาได้เข้าซื้อทรัพย์สินของกลุ่มบริษัท ProVista ในประเทศแคนาดา ซึ่งถือเป็นฟาร์มสุกรใหญ่สุดในแคนาดา และเข้าลงทุน 75% ในหุ้นของ Prime Pork, LLC (Prime Pork) ประเทศสหรัฐอเมริกา หรือโรงชำแหละ เนื่องด้วยตลาดโลกประสบปัญหาอุปทานสุกรขาดแคลนจากผลกระทบโควิด-19 ทำให้ CPF มีโอกาสได้ประโยชน์จากอุปทานที่ลดลงไป และคาดว่าในระยะยาวจะได้ประโยชน์จากการเพิ่มช่องทางการเปิดตลาดต่างประเทศ

นอกจากนี้ CPF เป็นบริษัทที่ไม่มีปัญหาสภาพคล่อง และดีล Tesco Asia บริษัทกำลังจัดเตรียมเอกสารแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) เพื่อส่งให้กับสำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า ซึ่งจะใช้เวลา 1 เดือน จากนั้นจะต้องรออนุมัติอีก 3 เดือน CPF คาดว่าดีลนี้จะแล้วเสร็จในช่วงต้นไตรมาส 4/63

ช่วงบ่ายราคาหุ้น CPF อยู่ที่ 32 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือ 1.59% ขณะที่ดัชนีหุ้นไทย ปรับขึ้น 1.36%

          โบรกเกอร์                       คำแนะนำ             ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
          บล.ไทยพาณิชย์                      ซื้อ                       36.00
          บล.กสิกรไทย                       ซื้อ                       33.50
          บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย)     ซื้อ                       35.80
          บล.เคทีบี                          ซื้อ                       35.00
          บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย)              ซื้อ                       36.00

น.ส.ธรีทิพย์ วงษ์แสงไพบูลย์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า กำไรไตรมาส 2/63 คาดว่าจะเติบโตดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่จะชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/63 เนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อการขนส่งบางส่วน และโรงงานในอินเดีย ได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ แต่อย่างไรก็ตามการดำเนินงานในภาพรวมยังไม่ได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ โดยธุรกิจในต่างประเทศยังคงแข็งแกร่ง โดยเฉพาะในประเทศจีน หลังสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย และการขนส่งในจีนเริ่มกลับมาขนส่งได้มากขึ้น ทำให้ผลกระทบในจีนน่าจะมีจำกัด

ขณะที่ราคาผลิตภัณฑ์หมูยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง ส่วนต้นทุนราคาอาหารสัตว์ยังทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ ทำให้คาดว่าน่าจะส่งผลดีต่ออัตรากำไรของ CPF ปรับตัวดีขึ้น

ทั้งนี้ ภาพรวมธุรกิจทางผู้บริหารได้ระบุว่า ยังมีมุมมองบวกต่อภาพรวมธุรกิจปศุสัตว์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เนื่องจากราคาสุกรในเวียดนามและไทยยังคงอยู่ในระดับสูง รวมถึงจะใช้เวลาอย่างน้อยประมาณ 2 ปีครึ่ง ในการฟื้นฟูระดับอุปทานในเวียดนามและจีน ที่ประสบปัญหาการแพร่ระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) หรือเพิ่มโอกาสในการส่งออกสุกรไปยังประเทศต่างๆ

ส่วนธุรกิจสัตว์ปีก CPF คาดว่าจะมีสมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทานที่ดีขึ้น และมีราคาผลิตภัณฑ์ที่ฟื้นตัวขึ้น ภายหลังจากมีการปลดล็อกดาวน์ประเทศ เนื่องจากอุปสงค์ที่ปรับลดลงมาจากธุรกิจท่องเที่ยวและการบริโภคในประเทศที่ชะลอตัวลงจากโควิด-19 ส่งผลต่อราคาไก่เนื้อในช่วงเดือนก.พ.-พ.ค.63 ปรับตัวลดลง ขณะเดียวกันตลาดต่างประเทศ บริษัทไม่ได้มีความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์ที่อ่อนแอในสหภาพยุโรป จากโควิด-19 เพราะคาดว่าจะได้รับการชดเชยจากอุปสงค์ในกลุ่มประเทศเอเชีย รวมถึงจีน ฮ่องกง และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

ด้านบล.ไทยพาณิชย์ ระบุในบทวิเคราะห์ฯคาดผลการดำเนินงานของ CPF ในไตรมาส 2/63 จะดีขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะราคาหมูในเวียดนามอยู่ในระดับสูง สอดคล้องกับบริษัทคาดว่าผลการดำเนินงานจะปรับตัวดีขึ้นในครึ่งปีหลังนี้ จากราคาหมูในเวียดนามที่อยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่องและราคาสัตว์บกในประเทศที่ฟื้นตัวดีขึ้น

ธุรกิจหมูในประเทศเพื่อนบ้านยังคงแข็งแกร่ง โดยยอดขาย 19% ของ CPF มาจากเวียดนาม, 3% มาจากกัมพูชา และ 1% มาจากลาว ซึ่งในไตรมาส 2/63 ราคาหมูในเวียดนามอยู่ที่ระดับสูง หลังจากโรค ASF ส่งผลกระทบทำให้อุปทานลดลง CPF คาดว่าราคาหมูในประเทศเหล่านี้จะยังอยู่ในระดับสูงต่อไปอีก 1-2 ปี เนื่องจากฟาร์มหมูส่วนใหญ่มีขนาดเล็ก ดังนั้นการปรับอุปทานจะต้องใช้เวลา เพราะใบอนุญาตที่ออกโดยรัฐบาลมีจำกัดและใช้เงินลงทุนสูงในระบบความปลอดภัยทางชีวภาพ

ธุรกิจในประเทศไทย คิดเป็น 32% ของยอดขาย ค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้น ธุรกิจสัตว์บก ในไตรมาส 2/63 ราคาหมูและไก่ในประเทศลดลงสู่ 67 บาท/กิโลกรัม และ 32 บาท/กิโลกรัม เนื่องจากอุปสงค์ลดลง เพราะร้านอาหารปิดและประชาชนอยู่บ้านในช่วงล็อกดาวน์

CPF คาดว่าราคาจะปรับตัวดีขึ้นหลังจากรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ หรือในครึ่งปีหลังนี้ ภาวะอุปสงค์และอุปทานจะปรับตัวดีขึ้น ขณะเดียวกันคาดอุปสงค์ที่ชะลอตัวลงในยุโรปในช่วงล็อกดาวน์ และญี่ปุ่นจากการเลื่อนจัดการแข่งขันโอลิมปิก จะส่งผลกระทบต่อการส่งออกไก่ แต่จะได้รับการชดเชยจากผลกระทบด้านบวกจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นในเอเชีย (จีน เกาหลีใต้ และตลาดใหม่อย่างสิงคโปร์) โดย CPF คาดว่าการส่งออกไก่ในตลาดทั่วโลกจะมีการแข่งขันน้อยลง ราคาไก่ในบางพื้นที่ในสหรัฐฯ และบราซิลปรับตัวเพิ่มขึ้นมากในระยะหลังนี้ โดยมีสาเหตุมาจากการปิดโรงงานเพราะสถานการณ์โควิด-19 รุนแรง ดังนั้นประเทศเหล่านี้จึงมีแนวโน้มที่จะส่งออกไก่ลดลง ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ ประเทศไทยส่งออกไก่ได้มากขึ้น

ธุรกิจสัตว์น้ำ CPF นำโมเดลทำฟาร์มกุ้งแบบใหม่จากเวียดนามที่ช่วยให้บริหารจัดการอาหารสัตว์ เพาะพันธุ์ และระบบน้ำได้ดีขึ้น มาใช้กับประเทศไทยและอินเดีย ส่งผลทำให้ธุรกิจสัตว์น้ำปรับตัวดีขึ้น

ธุรกิจในประเทศอื่น ๆ ในจีน คิดเป็น 25% ของยอดขาย กิจการในมณฑลหูเป่ยกลับมาดำเนินงานตามปกติแล้ว ในอินเดีย คิดเป็น 3% ของยอดขาย ธุรกิจไก่อาจจะได้รับผลกระทบจากการปิดโรงงานสืบเนื่องมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงต้นไตรมาส 2/63 แต่โรงงานเหล่านี้กลับมาเปิดดำเนินงานแล้วในช่วงปลายเดือนพ.ค.63 ในประเทศอื่น ๆ โรงงานดำเนินงานตามปกติ บริษัทอาจจะเผชิญกับอุปสงค์ที่ชะลอตัวลงในช่วงล็อกดาวน์ แต่ผลกระทบสำหรับผู้ผลิตอาหารจะมีน้อยกว่าธุรกิจอื่นๆ

นอกจากนี้ CPF ไม่มีปัญหาสภาพคล่อง โดยดีล Tesco Asia จะช่วยสร้างกระแสเงินสดจากการดำเนินงานดีขึ้น, การลงทุนแบบเลือกลงทุนมากขึ้น และวงเงินสินเชื่อที่มีอยู่ ทำให้ CPF ไม่มีปัญหาด้านสภาพคล่อง สำหรับดีล Tesco Asia บริษัทกำลังจัดเตรียมเอกสารแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) เพื่อส่งให้กับสำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า ซึ่งจะใช้เวลา 1 เดือน จากนั้นจะต้องรออนุมัติอีก 3 เดือน CPF คาดว่าดีลนี้จะแล้วเสร็จในช่วงต้นไตรมาส 4/63

สำหรับบล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ฯมีมุมมองเป็นบวกต่อข่าวเกี่ยวกับบริษัท Hylife ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนของซีพีเอฟ และ ITOCHU Corporation ที่ประเทศแคนาดาได้เข้าซื้อทรัพย์สินของกลุ่มบริษัท ProVista ในประเทศแคนาดา ซึ่งถือเป็นฟาร์มสุกรใหญ่สุดในแคนาดา และเข้าลงทุน 75% ในหุ้นของ Prime Pork ประเทศสหรัฐอเมริกา หรือโรงชำแหละ เนื่องด้วยตลาดโลกประสบปัญหาอุปทานสุกรขาดแคลนจากผลกระทบจากโควิด-19 ทำให้ฟาร์มหลายแห่งต้องปิดตัวลงและคนงานไม่สามารถเข้าไปทำงานได้ ทำให้ CPF มีโอกาสได้ประโยชน์จากอุปทานที่ลดลงไป ขณะที่ในระยะยาว จะเป็นการเพิ่มช่องทางเพื่อเปิดตลาดต่างประเทศ คาดว่า ทาง CPF จะไม่มีภาระต้องใส่เงินลงทุนเข้าไปเพิ่ม โดยจะใช้เงินสดจากการดำเนินงานของ Hylife ในการลงทุน ซึ่งทางบริษัทจะเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมต่อไป

ราคาหมูในประเทศข้างเคียงที่สามารถส่งออกไปจีนจะได้ราคาดีมาก คือ เวียดนามปรับตัวสูงขึ้น คาดว่าจะส่งผลดีต่อ CPF ซึ่งมีธุรกิจในเวียดนามคิดเป็นประมาณ 20% ของรายได้รวมของ CPF และสนับสนุนมุมมองที่ว่า ราคาหมูเวียดนามจะยังคงอยู่ในระดับสูงตลอดปีนี้ โดยราคาหมูในเวียดนามเข้าใกล้ 100,000 ดองเวียดนาม/กิโลกรัม จากไตรมาสก่อนที่ประมาณ 75,000 ดองเวียดนาม/กิโลกรัม

พร้อมคงประมาณการกำไรสุทธิในปี 63 อยู่ที่ 1.9 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% จากปีก่อน และคงกำไรปกติที่ 1.67 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 62% จากปีก่อน แม้ว่ากำไรในไตรมาส 1/63 จะมากกว่าคาด แต่ในปีนี้คาดได้รับผลกระทบมากขึ้น จากการปิดตัวของโรงแรม ห้างสรรพสินค้าและร้านอาหาร แต่คาดว่าจะทยอยดีขึ้นในครึ่งปีหลัง โดยยังติดตามการดำเนินการงานของธุรกิจในอเมริกาเหนือและอาจจะปรับประมาณการขึ้นเมื่อมีรายละเอียดเพิ่มเติมเข้ามา


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ