LALIN คงเป้ารายได้-ยอดขายปีนี้ลุยเปิดโครงการใหม่เน้นแนวราบ,ลั่นพร้อมไถ่ถอนหุ้นกู้ตามกำหนด

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday June 2, 2020 16:52 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเสรี สินธุอัสว์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายการเงินและเลขานุการ บมจ.ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ (LALIN) เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจว่าในปีนี้จะสามารถสร้างรายได้และยอดขายได้ตามเป้าหมาย โดยในด้านรายได้วางเป้าไว้ 5.25 พันล้านบาท หรือเติบโต 13% จากปีก่อน ซึ่งขณะนี้มียอดขายรอโอน (backlog) ที่จะรับรู้รายได้ในช่วงที่ครึ่งปีหลังนี้ราว 700-800 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นโครงการแนวราบที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง พร้อมกันนั้นบริษัทยังเดินหน้าระบายสต็อกสินค้าพร้อมโอนที่มีมูลค่ารวม 1.04 หมื่นล้านบาทอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างรายได้เข้ามา

ขณะที่ยอดขายในปีนี้วางเป้าหมายไว้ที่ 6.2 พันล้านบาท ซึ่งในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-พ.ค. 63) บริษัทได้เปิดโครงการใหม่ไปแล้ว 5 โครงการ มูลค่ารวม 3.5 พันล้านบาท เป็นการพัฒนาโครงการใหม่ในทำเลเดิมที่มีการพัฒนาโครงการก่อนหน้านี้แล้ว และสามารถทำยอดขายในระดับที่ดี เนื่องจากเป็นโครงการแนวราบทั้งหมด สามารถตอบโจทย์ลูกค้าในปัจจุบันที่ยังมีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยแนวราบ

และในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทจะเปิดโครงการใหม่อีก 4-6 โครงการ มูลค่า 1.5-2 พันล้านบาท ยังเป็นโครงการแนวราบทั้งหมด และเป็นโครงการในเฟสใหม่ที่พัฒนาในทำเลเดิมเช่นกัน เน้นกลุ่มลูกค้าที่ซื้อบ้านหลังแรกเป็นหลัก ระดับราคาตั้งแต่ 2 ล้านบาทขึ้นไป ทำให้ไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการ LTV

นายเสรี กล่าวว่า สิ่งที่บริษัทมองว่าเป็นปัจจัยเสี่ยงที่จะกระทบต่อรายได้ คือ อัตราการปฏิเสธสินเชื่อที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่ทำงานในธุรกิจท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 มากที่สุด และในช่วงที่เศรษฐกิจเกิดการชะลอตัว ธนาคารพาณิชย์ได้เพิ่มความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อเพื่อป้องกันความเสี่ยงอีกด้วย ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับอุตสาหกรรม ดังนั้น บริษัทได้มีการแนะนำลูกค้าในการเตรียมตัวก่อนการยื่นขอสินเชื่อกับธนาคาร

"หากสถานการณ์โควิด-19 ไม่รุนแรงมากขึ้นหลังจากผ่อนคลายมาตรการลงแล้ว ก็คาดว่าเป้าหมายของบริษัทที่ตั้งไว้ตั้งแต่ต้นปีก็ทำได้อย่างแน่นอน ซึ่งก็มองว่าทิศทางในช่วงครึ่งปีหลังจะดีขึ้น หลังจากที่ผ่อนคลายมาตรการลงมา ลูกค้าก็เริ่มกลับมาซื้อบ้านในโครงการของบริษัทในช่วงเดือนพ.ค.เพิ่มขึ้น หลังจากที่เม.ย.ที่ผ่านมาล็อกดาวน์ไปทั้งเดือน ซึ่งเริ่มเห็นทิศทางที่ดีขึ้นมา"นายเสรี กล่าว

นายเสรี เปิดเผยอีกว่า ในช่วงเดือนก.ค.นี้บริษัทจะมีหุ้นกู้ที่ครบกำหนดไถ่ถอนวงเงิน 440 ล้านบาท ซึ่งบริษัทมีความพร้อมจะไถ่ถอนได้ทั้งหมด เนื่องจากได้รับวงเงินสนับสนุนจากสถาบันการเงินที่สามารถเบิกใช้ได้ทันทีราว 2.7 พันล้านบาท และในปี 64 จะมีหุ้นกู้ที่ครบกำหนดอีก 1 พันล้านบาท ซึ่งบริษัทจะพิจารณาภาวะของตลาดอีกครั้งว่าจะเป็นอย่างไร

อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดว่าอันดับเครดิตจะยังคงที่ระดับ BBB+ ได้ในช่วงกลางปีที่ทริสเรตติ้งเข้ามาประเมิน แม้ว่าอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์จะไม่ค่อยดีนัก แต่ฐานะทางการเงินและสภาพคล่องที่แข็งแกร่งของบริษัท รวมไปถึงอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ที่ต่ำที่ 0.78 เท่า ทำให้มีความเชื่อมั่นในศักภาพของธุรกิจที่มีความแข็งแกร่ง และยังมีศักยภาพในการรองรับความเสี่ยงที่เกิดขึ้นได้ดี


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ