MAX มั่นใจลงทุน 2 บริษัทอสังหาฯเหมาะสม ชูทำเลเด่นเชื่อมต่อ EEC

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday June 5, 2020 15:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายกุศล สังขนันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.แมกซ์ เมทัล คอร์ปอเรชั่น (MAX) เปิดเผยว่า การที่บล.ไอ วี โกลบอล ซึ่งเป็นที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ ของบริษัทได้แสดงความเห็นต่อเข้าทำรายการซื้อหุ้นสามัญในบริษัท เดอะ มาสเตอร์ เรียลเอสเตท จำกัด และบริษัท อริยา เอสเตท จำกัด นั้น ทางบริษัทยังมีความเห็นว่าการเข้าลงทุนดังกล่าวได้พิจารณาอย่างสมเหตุสมผล อันเป็นการศึกษาและวิเคราะห์ความเหมาะสมอย่างถี่ถ้วนแล้ว และที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 5/2563 ซึ่งประชุมเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2563 มีมติอนุมัติให้บริษัทเข้าทำรายการดังกล่าวได้และเตรียมนำเสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี ในวันที่ 19 มิถุนายน 2563 นี้

อนึ่ง บล.ไอ วี โกลบอล ได้แสดงความเห็นว่าบริษัทไม่สมควรเข้าซื้อหุ้นของทั้ง 2 บริษัทดังกล่าว เนื่องจากความไม่สมเหตุสมผลของราคาซื้อขาย ขณะที่คณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติการซื้อหุ้นของทั้ง 2 บริษัท มีมูลค่ารวมราว 1.04 พันล้านบาท

นายกุศล กล่าวว่า ตลอดปีที่ผ่านมา คณะกรรมการได้ศึกษาถึงประเภทการดำเนินธุรกิจที่จะสร้างผลกำไรให้บริษัทอย่างต่อเนื่อง มีอัตราเสี่ยงต่อการขาดทุนต่ำ เห็นผลสำเร็จจากการลงทุนได้อย่างรวดเร็วแต่มีความยั่งยืน ซึ่งมีธุรกิจหลากหลายประเภท ซึ่งการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และการบริการเป็นธุรกิจที่บริษัทมีความสนใจมาโดยตลอด เมื่อได้รับติดต่อจากทางกลุ่มผู้ขาย บริษัทจึงทำการศึกษาเกี่ยวกับกิจการอย่างถี่ถ้วน

การเข้าลงทุนในเดอะ มาสเตอร์ เรียลเอสเตท มีข้อดีคือ 1. เดอะ มาสเตอร์ฯ ผู้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินเปล่าริมถนนสุขุมวิท ซึ่งมีศักยภาพ เนื่องจากตั้งอยู่ใกล้กับท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา ระยอง–พัทยา เป็นอย่างมาก เป็นทำเลที่เปรียบเสมือนจุดยุทธศาสตร์ในการเชื่อมต่อของโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ทั้งหมด โดยจากโครงการต่าง ๆ นี้ จะเชื่อมโยงการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมหลักในภาคตะวันออกมากขึ้น อีกทั้งจะเป็นการอำนวยความสะดวกในการเดินทางแก่นักท่องเที่ยว ที่คาดว่าจะมีเพิ่มสูงขึ้น 1.5 เท่า จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่มาเยือนในปัจจุบัน จึงเหมาะสมเป็นอย่างยิ่งแก่การลงทุนและพัฒนาโครงการเชิงพาณิชย์

2.ด้านแผนธุรกิจ ที่ดินดังกล่าวมีความเหมาะสมในการพัฒนาเป็น Airport Hotel เนื่องจากมีที่ตั้งที่เหมาะสม ใกล้กับสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา ไม่มีความเสี่ยงในเรื่องของการถูกเวนคืนที่ดิน กรรมการมีความเชื่อมั่นถึงความเป็นไปได้ที่จะทำให้โครงการประสบความสำเร็จ จากการพัฒนาพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งจะเกิดผลประโยชน์สูงสุดต่อบริษัทและผู้ถือหุ้น

3. บริษัทจะมีโอกาสเหนือคู่แข่งหรือผู้ประกอบการรายอื่น จากข้อได้เปรียบด้านพื้นที่ ด้วยที่ดินตั้งอยู่ในระยะ 5 กิโลเมตรจากพื้นที่โครงการ EEC ในขณะที่โรงแรมอื่นมีระยะทางห่างออกไปราว 10-15 กิโลเมตร ทั้งไม่ใช่ Chained-Brand Hotel หากบริษัทพัฒนาพื้นที่เพื่อสร้าง Airport Hotel และวางแผนการดำเนินธุรกิจอย่างระมัดระวัง จะทำให้มีผู้เข้ามาใช้บริการโรงแรมเป็นจำนวนมาก และก่อให้เกิดผลรายได้และกำไรต่อบริษัท นอกจากนี้ บริษัทมีแผนที่จะติดต่อหา Chained-Brand Hotel เข้ามาบริหาร Airport Hotel ดังกล่าวด้วยเช่นกัน

ส่วนการลงทุนใน อริยา เอสเตท ซึ่งปัจจุบันประกอบกิจการโรงแรม Wisdom Hotel ตั้งอยู่ในอำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยอง มีข้อดีคือ 1.เป็นการสร้างโอกาส และความสามารถในการเพิ่มรายได้ให้กับบริษัท เนื่องจาก อริยาเป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจโรงแรมซึ่งสามารถสร้างรายและกระแสเงินสดให้กับบริษัทได้ทันทีที่เข้าลงทุน 2.เป็นการลงทุนในบริษัทที่ประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดระยอง ซึ่งเป็นจังหวัดที่อยู่ในพื้นที่ของโครงการ EEC จึงถือว่ามีโอกาสเติบโตและสร้างรายได้สูง 3.โครงการ Wisdom Hotel นั้น เป็นการได้มาในอสังหาริมทรัพย์ที่มีศักยภาพอยู่ในทำเลที่ดี และอยู่ในระหว่างการพัฒนาเพื่อเข้าสู่ระดับมาตรฐานสากล ที่จะทำให้บริษัทมีโอกาสสามารถให้บริการและรับรู้รายได้ทันที

เมื่อพิจารณาจากโอกาสที่จะเกิดขึ้นและรายได้ที่บริษัทจะรับรู้ได้ทันทีเมื่อเข้าลงทุน ถือว่าราคาการลงทุนในธุรกิจทั้งสองมีความเหมาะสมแล้ว โดยการเข้าดำเนินธุรกิจนี้จะเป็นการกระจายความเสี่ยงในเรื่องของรายได้ในการประกอบธุรกิจเดิมของกลุ่มบริษัทคือ ธุรกิจน้ำมันปาล์มและธุรกิจบริหารจัดการสนามกอล์ฟของบริษัทย่อยของบริษัท และบริษัทจะได้ประโยชน์จากการลดความเสี่ยงด้านโครงสร้างทางการเงินและลดผลกระทบด้านสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจอีกด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ