กองทุน KBSPIF โรงไฟฟ้ากลุ่ม KBS เตรียมระดมทุน 2.8 พันลบ.หลัง ก.ล.ต.อนุมัติไฟลิ่ง

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday June 17, 2020 10:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บลจ.กรุงไทย (KTAM) ในฐานะบริษัทจัดการกองทุนฯ กล่าวว่า กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานกลุ่มน้ำตาลครบุรี (KBSPIF) จะระดมทุนเพื่อเข้าลงทุนในกิจการโครงสร้างพื้นฐานประเภทโรงไฟฟ้าของ บริษัท ผลิตไฟฟ้าครบุรี จำกัด (KPP) ซึ่งโครงการดังกล่าวมีศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนที่ดีแก่กองทุนฯ และสามารถจ่ายปันผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหน่วยในระยะยาว โดยปัจจุบัน สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้อนุญาตแบบคำขอเสนอขายหน่วยลงทุน (แบบไฟลิ่ง) ของกองทุน KBSPIF เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

นายอิสสระ ถวิลเติมทรัพย์ กรรมการ บมจ.น้ำตาลครบุรี (KBS) เปิดเผยว่า บริษัทจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้ากลุ่มน้ำตาลครบุรี (KBSPIF) วงเงินไม่เกิน 2,800 ล้านบาท โดยมีธนาคารกรุงไทย (KTB) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และ บลจ.กรุงไทย เป็นบริษัทจัดการกองทุน

กลุ่มน้ำตาลครบุรีได้วางนโยบายเสริมสร้างความแข็งแกร่งธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทราย และต่อยอดการลงทุนเข้าสู่ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องเพื่อสร้างความมั่นคงแก่องค์กร โดยการนำผลพลอยได้จากกระบวนการผลิตน้ำตาลทรายมาสร้างมูลค่าเพิ่มสูงสุด ผ่านการลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลที่ใช้กากอ้อยเป็นเชื้อเพลิง

ปัจจุบันโรงไฟฟ้าดังกล่าวอยู่ภายใต้การดำเนินงานของ KPP ซึ่งเป็นบริษัทที่ KBS ถือหุ้น 99% เพื่อดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าระบบผลิตพลังงานความร้อนและไฟฟ้าร่วมกัน (Cogeneration System) กำลังการผลิตรวม 73 เมกะวัตต์ ช่วยให้บริษัทสามารถนำทรัพยากรหมุนเวียนที่เกิดจากกระบวนการผลิตน้ำตาลมาใช้ให้เกิดประโยชน์ และเสริมความมั่นคงด้านพลังงานไฟฟ้าแก่ประเทศอีกด้วย ในช่วงที่ผ่านมา KBS ได้สนับสนุนการสร้างความเข้มแข็งให้แก่ธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานดังกล่าว โดยจัดหาและป้อนวัตถุดิบกากอ้อยเพื่อนำไปใช้ผลิตเป็นกระแสไฟฟ้าให้แก่ KPP ซึ่งเป็นคู่สัญญาจำหน่ายไฟฟ้าระยะยาวกับหน่วยงานภาครัฐ ประกอบด้วย การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) จำนวน 16 เมกะวัตต์ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จำนวน 22 เมกะวัตต์ และมีสัญญาจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่กลุ่มน้ำตาลครบุรีอีกจำนวนไม่เกิน 25 เมกะวัตต์ ส่งผลให้ผลการดำเนินงานของธุรกิจโรงไฟฟ้า KPP มีอัตราเติบโตต่อเนื่องตลอด 3 ปีที่ผ่านมา (60-62) โดยมีรายได้รวมจากการจำหน่ายไฟฟ้าตามสัญญารวม 689.89 ล้านบาท 901.59 ล้านบาท และ 972.71 ล้านบาท ตามลำดับ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ