ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดเพิ่มขึ้นเมื่อคืนนี้ (9 ก.ค.) เพราะได้รับปัจจัยบวกจากตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้เช่นกัน นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากคำสั่งซื้อที่ส่งเข้าพยุงหุ้นกลุ่มบริษัทเหมืองแร่ของอังกฤษและการพุ่งขึ้นของหุ้นเททแอนด์ไลล์ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้สามารถชดเชยการร่วงลงของหุ้นกลุ่มธุรกิจสร้างบ้านได้ สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 ปรับตัวขึ้น 22.60 จุด ปิดที่ 6,712.7 จุด หลังจากทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในระหว่างวันที่ 6,725.9 จุด มีปริมาณการซื้อขาย 2.3 พันล้านหุ้น หุ้นบริษัทเททแอนด์ไลล์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำตาลเทียมรายใหญ่ของอังกฤษ ทะยานขึ้น 26 เพนซ์ ปิดที่ 580 เพนซ์ หลังจากนักวิเคราะห์ของเครดิต สวิส ประกาศเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นดังกล่าวขึ้นสู่ระดับ 'outperform' จากระดับ 'neutral' และได้ปรับเพิ่มเป้าหมายราคาหุ้นขึ้นสู่ระดับ 640 เพนซ์ จากเดิมที่ระดับ 630 เพนซ์ ขณะเดียวกันนักลงทุนส่งคำสั่งซื้อเข้ามาในหุ้นกลุ่มเหมืองแร่อย่างล้นหลาม เนื่องจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ยังคงเคลื่อนไหวในระดับสูง และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐยังคงอ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ของเจพีมอร์แกนประกาศเพิ่มเป้าหมายราคาหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ทั่วทั้งกระดาน หลังจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวสูงขึ้น โดยหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน พุ่งขึ้น 27 เพนซ์ ปิดที่ 1,543 เพนซ์ หุ้นคาซัสมิสดีดขึ้น 55 เพนซ์ ปิดที่ 1,360 เพนซ์ หุ้นแองโกล อเมริกัน ทะยานขึ้น 57 เพนซ์ ปิดที่ 3,324 เพนซ์ และหุ้นอันโตฟากัสต้าขยับขึ้น 18 เพนซ์ ปิดที่ 681-1/2 เพนซ์ ส่วนหุ้นสายการบินบริติช แอร์เวย์ ดีดขึ้น 4-1/4 เพนซ์ ปิดที่ 438-1/2 เพนซ์ หลังจากนักวิเคราะห์ของแพนเมอร์ กอร์ดอน ประกาศเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นดังกล่าวขึ้นสู่ระดับ 'buy' จากเดิมที่ระดับ 'hold' เพราะเชื่อว่าบริติช แอร์เวย์จะสามารถรั้งสถานะผู้นำในตลาดสายการบินกลุ่มพรีเมียมได้ อย่างไรก็ตาม หุ้นไชร์ซึ่งอยู่ในกลุ่มเวชภัณฑ์ ร่วงลง 16 เพนซ์ ปิดที่ 1,235 เพนซ์ หลังจากนักวิเคราะห์ของเจพีมอร์แกน ประกาศลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นดังกล่าวลงสู่ระดับ 'underweight' จากเดิมที่ระดับ 'neutral'