แหล่งข่าว บมจ.แนเชอรัลพาร์ค(N-PARK)เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทพร้อมจะพิจารณาขายหุ้นบมจ.แสนสิริ(SIRI)ให้กับกลุ่มนักลงทุนจากฮ่องกงเพิ่มเติมอีก 30 ล้านหุ้น จากเดิมที่ทำข้อตกลงกันไว้ที่ 300 ล้านหุ้น หรือ 20.36% ของทุนจดทะเบียน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาราคาซื้อขายที่เหมาะสมสำหรับหุ้นที่จะต้องทำรายการซื้อขายในส่วนที่ 2 ประมาณ 125 ล้านหุ้น "ทางผู้ซื้อเห็นว่าไหนๆจะซื้อแล้วก็อยากจะซื้อเพิ่มอีก 30 ล้านหุ้นไปเลย เราก็โอเคยินดี ส่วนเรื่องราคาที่จะซื้อขายหุ้น SIRI ในส่วนที่ 2 นี้ ทั้งสองฝ่ายกำลังคุยกันอยู่เพื่อให้ได้ราคาที่พอใจกันทั้งสองฝ่าย"แหล่งข่าว กล่าว เช้านี้ N-PARK ระบุว่ากลุ่มนักลงทุนฮ่องกงนำโดยดร.อัลลิน่า ซาลิม (Dr.Allina Salim)ได้ขอขยายเวลาการซื้อหุ้น SIRI ออกไปอีกระยะหนึ่ง เนื่องจากต้องการซื้อหุ้นในจำนวนมากกว่าที่ตกลงกันไว้ตอนต้น โดย N-PARK แบ่งการซื้อขายหุ้น SIRI เป็น 2 ส่วน และได้ทำรายการในส่วนที่ 1 ไปแล้ว 205 ล้านหุ้นเมื่อวันที่ 12 ก.ค.ที่ผ่านมา ได้เงิน 632 ล้านหุ้น ส่วนที่เหลือกำหนดทำรายการในปลายเดือน ก.ค. แหล่งข่าว เปิดเผยว่า ขณะนี้ N-PARK ได้นำเงินที่ได้จากการขายหุ้น SIRI ในส่วนแรกไปชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ยให้กับธนาคารหลวงไทย (SCIB) เรียบร้อยแล้ว ทำให้เหลือเงินต้น 791 ล้านบาท กำหนดจ่ายภายใน 15 ต.ค.50 อย่างไรก็ตาม แม้การขายหุ้น SIRI ส่วนที่ 2 ออกไป แต่ก็ไม่มีปัญหาเรื่องระยะเวลาในการชำระหนี้ให้แก่ธนาคารกรุงไทย เพราะไม่ได้กำหนดระยะเวลาเหมือนเจ้าหนี้อีกราย เพียงแต่หากบริษัทสามารถขายสินทรัพย์ที่มีอยู่ได้มากขึ้น ก็จะมีเงินไปปลดหนี้มากขึ้น "โชคดีที่แบงก์กรุงไทยไม่ได้กำหนดระยะเวลาชำระหนี้ แต่ถ้าเราขายสินทรัพย์ได้มาก เราก็สามารถทำให้เบาตัวลงก็ดีที่สุด ภาระดอกเบี้ยก็ลดลง"แหล่งข่าว กล่าว *ไม่รู้เรื่องบิ๊กล็อต SIRI 70 ล้านหุ้นวานนี้ เมื่อถามถึงรายการบิ๊กล็อตจำนวน 70 ล้านหุ้นที่ปรากฎเมื่อวานนี้ แหล่งข่าว กล่าวว่า ไม่ใช่รายการที่บริษัทโอนให้กลุ่มนักลงทุนฮ่องกง และไม่ทราบว่าเป็นของใคร "บิ๊กล็อต SIRI 70 ล้านหุ้นวานนี้ N-PARK ไม่ได้เป็นคนทำ ไม่งั้นเราคงไม่แจ้งตลาดหลักทรัพย์ฯว่ากลุ่มผู้ซื้อขอขยายเวลาซื้อหุ้นออกไป"แหล่งข่าว กล่าว ข้อมูล ณ วันที่ 9 เมษายน 2550 ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ SIRI 6 อันดับแรก ได้แก่ N-PARK 322,721,231 หุ้น คิดเป็น 21.90%, บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 233,615,562 หุ้น คิดเป็น 15.85%, CHASE NOMINEES LIMITED 42 จำนวน 117,679,900 หุ้น คิดเป็น 7.99%, บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด จำนวน 81,870,000 หุ้น คิดเป็น 5.56%, RAFFLES NOMINEES (PTE) LIMITED A/C 1 จำนวน 73,600,000 หุ้น คิดเป็น 4.99% และ N-PARK จำนวน 40,000,000 หุ้น คิดเป็น 2.71%