เอ็มดีใหม่ GGC ดัน"นครสวรรค์ไบโอคอมเพล็กซ์"สู่ Bio Hub เพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday August 6, 2020 16:55 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสุวัฒน์ กมลพนัส กรรมการผู้จัดการ บมจ.โกลบอลกรีนเคมิคอล (GGC) เปิดเผยภายหลังการเข้ารับตำแหน่งใหม่ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.ว่า พร้อมเดินหน้าสานต่อและขับเคลื่อนโครงการต่าง ๆ ให้เป็นไปตามแผนและกลยุทธ์ของบริษัทเพื่อมุ่งสู่การเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมโอลีโอเคมีและเคมีภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม

โดยมีภารกิจหลักในการเป็น Green Flagship ของกลุ่ม บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) ด้วยการสนับสนุนและสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าทางการเกษตรและยกระดับความเป็นอยู่ของเกษตรกร พร้อมขับเคลื่อนธุรกิจบนหลักความยั่งยืน ควบคู่ไปกับการพัฒนาตามโครงการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (BCG โมเดล) ของประเทศไทย

สำหรับแผนงานที่ GGC กำลังดำเนินงานอยู่ในขณะนี้ คือ การสานต่อและขับเคลื่อนโครงการ "นครสวรรค์ไบโอคอมเพล็กซ์" (Nakhonsawan Biocomplex) สู่การเป็น Bio Hub แห่งแรกของประเทศไทยแบบครบวงจร ซึ่งเป็นโครงการที่สอดรับกับแนวนโยบายของภาครัฐและเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาตาม BCG Model คือ การพัฒนาเศรษฐกิจแบบองค์รวม โดยเน้นไปที่เศรษฐกิจชีวภาพ (Bioeconomy) เป็นการใช้ทรัพยากรชีวภาพเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม พัฒนาและต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง ภายใต้เศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) ที่มุ่งเน้นการพัฒนาเศรษฐกิจ ควบคู่ไปกับการพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อมให้เกิดความมั่นคงและยั่งยืนไปพร้อมกัน

โครงการดังกล่าวเป็นการร่วมทุนระหว่าง บริษัท จีซีซี ไบโอเคมิคอล จำกัด (GGC Bio) บริษัทในกลุ่ม และ บริษัท เคทิส ไบโอเอทานอล จำกัด (KTBE) ในกลุ่ม บมจ.เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น (KTIS) ซึ่งโครงการแบ่งออกเป็น 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 มุ่งเน้นการต่อยอดสู่เชื้อเพลิงชีวภาพ (Biofuel) ประกอบด้วย โรงหีบอ้อย โรงงานเอทานอล โรงงานไฟฟ้าชีวมวลและผลิตไอน้ำความดันสูง ปัจจุบันมีความคืบหน้าการก่อสร้างไปแล้วกว่า 70% คาดว่าจะสามารถดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ภายในไตรมาสที่ 4/64 และทันฤดูการหีบอ้อยปี 2564 และ 2565

หลังจากนั้นจะเป็นการขยายธุรกิจเพื่อตอบโจทย์ BCG Economy Model ด้วยการสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจ (Eco System) ในนครสวรรค์ไบโอคอมเพล็กซ์ เพื่อดึงดูดพันธมิตรต่าง ๆ ที่มีเทคโนโลยีมาเข้ามาร่วมลงทุนในระยะที่ 2 ที่มุ่งเน้นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าทางการเกษตร เพื่อต่อยอดสู่อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์พลาสติกชีวภาพ (Bioplastic) และเคมีชีวภาพ (Biochemicals) ที่ใช้อ้อยเป็นวัตถุดิบ โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย เป็นมิตรกับสังคมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการและรอการตอบรับจากผู้ที่สนใจ ซึ่งถ้าทำได้สำเร็จตามแผนที่วางไว้ จะช่วยให้เกษตรกรมีรายได้สูงขึ้น มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ชุมชนใกล้เคียง ก็จะมีเศรษฐกิจและสภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจภายใต้ "ภาวะปกติใหม่"(New Normal) GGC ยังคงดำเนินการอย่างระมัดระวัง แม้ว่าเศรษฐกิจไทยในช่วงครึ่งปีหลังจะมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ทยอยกลับมาเปิดบริการอีกครั้ง แต่ปัจจัยเสี่ยงในด้านลบยังมีความไม่แน่นอนสูง อาทิ ความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกสอง สถานการณ์ภัยแล้ง และเสถียรภาพการเมืองในประเทศ ทำให้บริษัทต้องมีการติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

ประกอบกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป หันมาให้ความสำคัญเรื่องการดูแลทำความสะอาดและใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคลมากขึ้น โดยเฉพาะเจลแอลกอฮอล์ที่มีส่วนผสมของกลีเซอรีนบริสุทธิ์ ที่มีคุณสมบัติให้ความชุ่มชื้นกับผิวหนัง ส่งผลให้ผลประกอบการในไตรมาสที่ 2/63 ยอดขายกลีเซอรีนบริสุทธิ์ของบริษัทเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามคาดว่าจะไม่กระทบกับตลาดโดยรวมมากนัก เนื่องจากกลีเซอรีนเป็นส่วนประกอบที่ให้ความชุ่มชื้นในเจลดังกล่าวเพียง 0-2% เท่านั้น

ขณะที่ยอดขายผลิตภัณฑ์เมทิลเอสเทอร์ (B100) และแฟตตี้แอลกอฮอล์ ปรับตัวลดลงจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยที่เมทิลเอสเทอร์ (B100) ได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของรัฐบาล ส่งผลให้การเดินทางของภาคประชาชนและภาคขนส่งลดน้อยลง ทั้งนี้บริษัทฯ ยังคงมีการประสานกับลูกค้าอย่างใกล้ชิดและแสวงหาลูกค้ากลุ่มใหม่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อเพิ่มโอกาสในการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯมากขึ้น

นายสุวัฒน์ กล่าวว่า เป้าหมายของบริษัทมีความชัดเจน คือการเป็น Leading Green Company และ Green Flagship ของกลุ่ม PTTGC ซึ่งหากมองไปในระยะข้างหน้านับว่าบริษัทเดินมาถูกทางแล้ว และเชื่อว่าการร่วมทุนดังกล่าวในโครงการนครสวรรค์ไบโอคอมเพล็กซ์ จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถให้กับบริษัท สำหรับธุรกิจเชื้อเพลิงชีวภาพและเพิ่มโอกาสในการลงทุนต่อยอดธุรกิจเคมีชีวภาพ (Biochemicals) และพลาสติกชีวภาพ (Bioplastic) ในอนาคต ที่ก่อให้เกิดการสร้างประโยชน์ร่วมกัน ตลอดห่วงโซ่ของอุตสาหกรรมชีวภาพและยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรของประเทศอย่างยั่งยืน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ