PORT เผย Q2/63 กำไร-รายได้หดจากงวดปีก่อน หลังศก.โลกชะลอกระทบปริมาณตู้สินค้าผ่านท่าเรือ

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday August 12, 2020 10:49 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางเสาวคุณ ครุจิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สหไทย เทอร์มินอล (PORT) เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 2/63 ของบริษัทได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ถึงแม้ว่าบริษัทจะอยู่ในอุตสาหกรรมการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ ซึ่งไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการเคอร์ฟิว แต่ด้วยภาวะเศรษฐกิจของทั่วโลกที่ชะลอตัว การนำเข้าส่งออกที่ลดลง และแรงงานที่ไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่เหมือนในภาวะปกติ ส่งผลกระทบต่อปริมาณตู้สินค้าที่ผ่านท่าเรือ อย่างไรก็ตามขณะนี้สถานการณ์ได้คลี่คลายไปมากแล้ว

สำหรับผลประกอบการไตรมาส 2/63 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน บริษัทมีรายได้รวม 325.65 ล้านบาท ลดลง 15.04% และมีกำไรขั้นต้น 76.76 ล้านบาท ลดลง 17.30% ขณะที่มีกำไรสุทธิ 7.97 ล้านบาท ลดลง 61.29%

ด้านนายบัญชัย ครุจิตร รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ PORT กล่าวเสริมว่า ปีนี้เป็นปีที่ท้าทายและมีหลายปัจจัยที่ยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิด แต่บริษัทได้ใช้โอกาสนี้ในการปรับการทำงานหลายด้าน เช่น ปรับปรุงการบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด อีกทั้งยังมีการเข้าไปรับฟังปัญหาของลูกค้าที่ได้รับผลกระทบเพื่อมาปรับขั้นตอนการทำงานและการบริการให้สอดคล้องและตรงตามความต้องการของลูกค้า เพื่อให้มั่นใจว่าบริษัทมีความพร้อมที่จะให้บริการอย่างต่อเนื่องภายใต้สถานการณ์ที่มีความไม่แน่นอนจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งหลังวิกฤติครั้งนี้

ทั้งนี้ บริษัทยังคงเดินหน้าโครงการใหม่ทั้ง 2 โครงการ ได้แก่ โครงการศูนย์กระจายสินค้าบนพื้นที่กว่า 50 ไร่ คาดว่าจะเปิดดำเนินการในปี 2564 ซึ่งล่าช้ากว่ากำหนดการเดิมที่คาดว่าจะเปิดปลายปี 2563 จากผลกระทบของการแพร่ระบาดโรคไวรัสทำให้ต้องชะลอการเปิดดำเนินการ โดยจะเปิดในเขตพื้นที่ขอบเมืองกรุงเทพมหานคร ผ่านบริษัท บริษัท บางกอก โลจิสติกส์ พาร์ค จำกัด (Bangkok Logistics Park) ซึ่ง PORT ร่วมทุนกับกลุ่มเฟรเซอร์สฯ ผู้นำการให้บริการด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรมไทย และโครงการท่าเรือแห่งใหม่แห่งที่ 3 ผ่าน บริษัท บางกอก ริเวอร์ เทอมินอล จำกัด (Bangkok River Terminal) ซึ่ง PORT ร่วมลงทุนกับบริษัท APM Terminals จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ A.P.Moller-Maersk สายเรืออันดับหนึ่งของโลก และกับกลุ่มน้ำตาลมิตรผลเพื่อรองรับการขยายตัวในอนาคต โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จปลายปี 2564 ซึ่งทั้ง 2 โครงการนอกจากจะช่วยในการเติบโตและขยายฐานของบริษัทฯให้ใหญ่ขึ้น ยังจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งและสร้างความยั่งยืนให้แก่ธุรกิจอีกด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ