CPL เผย Q2/63 พลิกกำไรแม้รับผลโควิดทำออร์เดอร์หด แต่ได้รายการพิเศษหนุน,เล็งปรับแผนธุรกิจ

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday August 17, 2020 17:05 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายภูวสิษฏ์ วงษ์เจริญสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซีพีแอล กรุ๊ป (CPL) เปิดเผยว่า ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ภาพรวมของธุรกิจผลิตและจำหน่ายหนังสำเร็จรูป (Finishing Product) ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีสัดส่วนรายได้ 58% ของรายได้รวมของ CPL ประสบปัญหาซบเซาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ความต้องการใช้หนังในตลาดโลกลดลง ส่งผลกระทบกับยอดสั่งซื้อของบริษัทฯ เช่นเดียวกับธุรกิจฟอกหนัง (Tanning) ซึ่งมีสัดส่วนรายได้ 3% ของรายได้รวมที่คำสั่งซื้อลดลงโดยเฉพาะหนังวัว แต่การรับฟอกหนังหมูยังมีทิศทางที่ดี

ขณะที่ธุรกิจผลิตและจำหน่ายรองเท้านิรภัยและอุปกรณ์นิรภัย (Safety Product) ภายใต้แบรนด์ "แพงโกลิน" ที่มีสัดส่วน 39% ของรายได้รวม ก็ประสบปัญหาจากการที่โรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งเป็นลูกค้าหลักต้องหยุดผลิตหรือชะลอการผลิตในช่วงล็อกดาวน์ ทำให้ยอดขายสินค้าเซฟตี้ปรับตัวลดลงเช่นกัน

แม้ว่าธุรกิจทั้ง 3 ด้านของ CPL จะได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 เนื่องจากต้องพึ่งพาการส่งออกเป็นหลัก แต่ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/63 และ 6 เดือนแรกของปีนี้ ยังสามารถพลิกจากขาดทุนในปีที่แล้วที่ 21.71 ล้านบาท และ 49.60 ล้านบาท เป็นกำไรสุทธิ 22.93 ล้านบาท และ 28.03 ล้านบาทตามลำดับ

ปัจจัยหลักที่สำคัญมาจากการบริหารค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ โดยครึ่งแรกของปีนี้บริษัทมีค่าใช้จ่ายในการขายลดลง 27 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายในการบริหารลดลง 30 ล้านบาท ทำให้บริษัทสามารถกลับมามีกำไรจากการดำเนินงานตามปกติได้ ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังรับรู้รายได้จากรายการพิเศษ อาทิ ดอกเบี้ยจากเงินลงทุนในหุ้นกู้ เงินชดเชยค่าภาษีอากรมาตรา 19 ทวิ และกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนอีกส่วนหนึ่งด้วย

"ต้องยอมรับว่า อุตสาหกรรมฟอกหนังเจองานหนักมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จนมาเจอกับการระบาดของไวรัสโควิด-19 คือหนักที่สุดแล้ว อย่างไรก็ตาม เราพยายามประคับประคองธุรกิจด้วยการบริหารจัดการเรื่องของต้นทุนและค่าใช้จ่ายต่างๆ ซึ่งได้ผลเป็นที่น่าพอใจ เพราะทำให้เราสามารถกลับมามีกำไรได้อีกครั้งจากที่เคยขาดทุนเมื่อปีที่แล้ว โดยที่อัตรากำไรขั้นต้นต่อรายได้จากการขาย (มาร์จิ้น) ก็ปรับตัวดีขึ้นจาก 10.81% ในช่วง 6 เดือนแรกของปีที่แล้ว ขึ้นมาอยู่ที่ 22.37% ในช่วงเดียวกันของปีนี้

แต่จริงๆ แล้วหากสินค้าในกลุ่มเซฟตี้โปรดักส์ไม่ได้รับผลกระทบจากการโรงงานอุตสาหกรรมหรือธุรกิจก่อสร้างซึ่งเป็นลูกค้าหลักของเราต้องชะลอการผลิต อัตรามาร์จิ้นก็ควรจะเติบโตกว่านี้ ซึ่งตอนนี้ต้องรอลุ้นในช่วงครึ่งปีหลัง หลังจากการคลายล็อกดาวน์ว่าโรงงานต่างๆ จะสามารถกลับมาเดินเครื่องได้เต็มที่หรือไม่ และยอดขายในกลุ่มสินค้าเซฟตี้จะกลับมาได้หรือไม่"นายภูวสิษฏ์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม บริษัทอยู่ระหว่างการปรับแผนธุรกิจ โดยมองหาธุรกิจใหม่ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจดั้งเดิม เช่น การผลิตสินค้าสำหรับลูกค้ารายย่อย เป็นสินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวันต่อยอดจากวัตถุดิบที่มีอยู่ อาทิ หน้ากากหนัง Pango Mask รองเท้าและอุปกรณ์อื่นๆ ซึ่งปีนี้บริษัทฯ ได้ทดลองนำสินค้าไปเปิดตัวและวางจำหน่ายในงาน "บ้านและสวนแฟร์" ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 7-16 ส.ค.ที่ผ่านมา เพื่อทดสอบตลาดและนำกลับมาพัฒนาสินค้าให้สอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงพัฒนาการตลาดและการขายให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ