ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่เกิน 1 หมื่นลบ.ของ"ดีแทค ไตรเน็ต"ที่ AA /Stable

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday August 24, 2020 12:07 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของ บริษัท ดีแทค ไตรเน็ต จำกัด ที่ระดับ "AA" ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" พร้อมทั้งยังจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 1 หมื่นล้านบาทของบริษัทที่ระดับ "AA" ด้วยเช่นกัน โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปใช้ชำระคืนเงินกู้ยืม รวมทั้งใช้เป็นเงินลงทุน และ/หรือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท

อันดับเครดิตสะท้อนถึงความสำคัญในเชิงกลยุทธ์ในฐานะที่เป็นบริษัทย่อยรายสำคัญของ บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) (ได้รับอันดับเครดิต "AA/Stable" จากทริสเรทติ้ง) ซึ่งเป็นผู้ประกอบธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่รายใหญ่อันดับที่ 3 ของประเทศไทย โดยบริษัทแม่ถือหุ้นทั้งหมดของบริษัท เมื่อพิจารณาถึงความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งระหว่างบริษัทและบริษัทแม่แล้ว อันดับเครดิตองค์กรของบริษัทจึงมีระดับเท่ากันและจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางเดียวกับอันดับเครดิตของบริษัทแม่ด้วย

อันดับเครดิตยังมีปัจจัยเสริมจากการสนับสนุนจาก Telenor ASA (Telenor) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทแม่ของบริษัทอีกด้วย อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวก็มีข้อจำกัดบางประการจากการแข่งขันที่รุนแรงในอุตสาหกรรมสื่อสารแบบไร้สาย ตลอดจนการลงทุนในระดับสูงเพื่อใช้ชำระค่าใบอนุญาตคลื่นความถี่และเพื่อขยายโครงข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ภายใต้เทคโนโลยีใหม่ ๆ

ในปี 2563 การห้ามการเดินทางและการจำกัดการทำกิจกรรมนอกเคหะสถานเพื่อระงับการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส โคโรนา 2019 (โรคโควิด 19) ส่งผลทำให้รายได้จากซิมท่องเที่ยวและบริการข้ามแดนอัตโนมัติ (International Roaming) ของบริษัทลดลง ยอดขายเครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่และการขยายฐานลูกค้าต้องมีอุปสรรคจากการที่ "ศูนย์บริการดีแทค" และร้านจำหน่ายเครื่องโทรศัพท์แบบค้าปลีกต้องปิดดำเนินการชั่วคราวในช่วงการออกมาตรการปิดประเทศและจากสภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ชะลอตัว แต่ในทางตรงกันข้าม รายได้จากการให้บริการสื่อสารข้อมูลกลับเติบโตเพิ่มขึ้นจากมาตรการขอความร่วมมือทำงานจากบ้าน (Work-from-Home) ของรัฐบาลและความต้องการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและการดำเนินกิจกรรมออนไลน์ที่เพิ่มขึ้นในช่วงการเว้นระยะห่างทางสังคม

ผลการดำเนินงานทั้งในส่วนของบริษัทแม่และของบริษัทในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2563 สอดคล้องกับประมาณการของ ทริสเรทติ้ง โดยบริษัทโทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น มีรายได้จากการดำเนินงานในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2563 ทั้งสิ้น 3.92 หมื่นล้านบาท ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นรายได้จากการให้บริการที่ไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่าย (Interconnection Charges – IC) จำนวนประมาณ 3 หมื่นล้านบาท สถานะทางการเงินของบริษัทแม่อยู่ในระดับดี โดยมีกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง มีการควบคุมค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพ และมีสภาพคล่องที่เพียงพอ

ทั้งนี้ ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2563 บริษัทโทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น มีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายอยู่ที่ 1.58 หมื่นล้านบาท โดยคิดเป็นอัตรากำไรที่ระดับ 40.1% และมีเงินทุนจากการดำเนินงานประมาณ 1.37 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทโทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จะมีเงินทุนจากการดำเนินงานอยู่ที่ระดับ 2.55-2.75 หมื่นล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2563-2565

ณ เดือนมิถุนายน 2563 บริษัทดีแทค ไตรเน็ต มีฐานลูกค้าจำนวน 18.8 ล้านราย ลดลงจาก 20.6 ล้านราย ณ ปลายปี 2562 ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2563 บริษัทสร้างรายได้จากการให้บริการที่ไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่ายทั้งสิ้น 2.78 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็นประมาณ 93% ของรายได้จากการให้บริการของบริษัทแม่ รายได้จากการให้บริการที่ไม่รวมค่าเชื่อมต่อโครงข่ายของบริษัทลดลงประมาณ 1% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการลดลงของรายได้จากซิมท่องเที่ยวและรายได้จากบริการข้ามแดนอัตโนมัติเป็นสำคัญ นอกจากนี้ รายได้จากการจำหน่ายเครื่องโทรศัพท์เคลื่อนที่ก็ลดลงประมาณ 26% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

รายได้จากการให้บริการเสียงและข้อมูลของบริษัทเติบโตเล็กน้อยจากการที่รายได้เฉลี่ยต่อเดือนต่อเลขหมาย (Average Revenue Per User – ARPU)ของบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่เพิ่มสูงขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 253 บาทในไตรมาสที่ 2 ของปี 2563 เพิ่มขึ้นจาก 249 บาท ในช่วงไตรมาสเดียวกันของปีก่อน บริษัทมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายประมาณ 1.16 หมื่นล้านบาทในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2563 การที่บริษัทลดค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลงและพยายามลดต้นทุนต่าง ๆ ทำให้ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทปรับตัวดีขึ้นในระดับหนึ่ง

ณ เดือนมิถุนายน 2563 บริษัทมีเงินกู้ที่มีภาระดอกเบี้ยทั้งสิ้น 6.1 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระดับ 5.95 หมื่นล้านบาท ณ เดือนธันวาคม 2562 ในช่วง 3 ปีข้างหน้าทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะยังคงมีหนี้สินทางการเงินอยู่ในระดับสูงเมื่อพิจารณาจากภาระการชำระค่าคลื่นความถี่ ตลอดจนเงินลงทุนขนาดใหญ่เพื่อขยายโครงข่าย และหนี้สินตามสัญญาเช่าการเงิน ทั้งนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะใช้งบลงทุนโดยรวมประมาณ 4.5 หมื่นล้านบาทในการขยายโครงข่าย นอกจากนี้ บริษัทยังมีภาระการชำระใบอนุญาตค่าคลื่นความถี่อีกปีละ 5.6 พันล้านบาทถึง 1.32 หมื่นล้านบาทในช่วงเวลาเดียวกันอีกด้วย

ทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายที่ปรับปรุงแล้วของบริษัทจะอยู่ที่ระดับ 5.5-6.5 เท่า แหล่งเงินทุนของบริษัทจะมาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานเป็นหลัก โดยทริสเรทติ้งคาดว่าความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดของบริษัทจะค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้นในช่วง 3 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดว่าบริษัทจะมีสภาพคล่องที่เพียงพอที่จะรองรับภาระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในช่วง 12-24 เดือนข้างหน้าได้เมื่อพิจารณาจากสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของบริษัทแม่และการสนับสนุนที่บริษัทได้รับจากบริษัทแม่อย่างเต็มที่

แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" สะท้อนถึงความคาดหมายของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงสถานะทางการตลาดในการเป็นผู้ประกอบการธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่รายใหญ่อันดับที่ 3 ของประเทศไทยและจะยังคงสภาพคล่องที่เพียงพอได้ต่อไป นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดหวังว่าสถานะของบริษัทในการเป็นบริษัทย่อยรายสำคัญของบริษัทโทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จะยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลงอีกด้วย

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง ตามวิธีการจัดอันดับเครดิตแบบกลุ่ม (Group Rating Methodology) ของทริสเรทติ้ง อันดับเครดิตของบริษัทดีแทค ไตรเน็ต จะเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับอันดับเครดิตของบริษัทโทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงใด ๆ ที่เกิดกับอันดับเครดิตหรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทแม่ก็จะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงอันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทดีแทค ไตรเน็ต ด้วยเช่นกัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ