นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่า สำนักงาน ก.ล.ต. ได้ร่วมกับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) (อบก.) ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือว่าด้วยการขับเคลื่อนการลดก๊าซเรือนกระจกของภาคธุรกิจในตลาดทุนไทย เพื่อนำไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำของประเทศไทย
ภายใต้ข้อตกลงความร่วมมือดังกล่าว ก.ล.ต. และอบก.จะร่วมกันเผยแพร่ความรู้ สื่อสาร และให้คำแนะนำแก่บริษัทจดทะเบียน บริษัทที่ออกหลักทรัพย์ หรือผู้ประกอบธุรกิจที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต.ให้ทราบถึงความสำคัญและประโยชน์ของการรายงานการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในระดับองค์กร รวมทั้งการจัดให้มีระบบการตรวจวัด รายงาน และทวนสอบที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากล
ทั้งนี้ ประเทศไทยได้ตั้งเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกลงให้ได้ 20-25% ภายในปี 2573 ในทุกภาคส่วน ซึ่งเป็นไปตามความตกลงปารีส (Paris Agreement) โดยในปี 61 สามารถดำเนินการลดก๊าซเรือนกระจกลงไปได้แล้ว 15% ซึ่งมาจากการลดก๊าซฯ ใน 2 ภาคธุรกิจ ได้แก่ พลังงานและขนส่งเป็นหลัก
จากนี้บริษัทจดทะเบียนไทยทุกบริษัท ถือเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันเป้าหมาย จะต้องร่วมมือในการลดก๊าซเรือนกระจกลง โดยจะต้องมีการเปิดเผยข้อมูลตามแบบ One Report (ที่ได้รวมแบบแสดงรายการข้อมูลประจำปี (แบบ 56-1) และรายงานประจำปี (แบบ 56-2) เหลือเพียงรายงานเดียว) เพื่อให้ประชาชน องค์กร นักลงทุนทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศได้ทราบ ซึ่ง ก.ล.ต.และ อบก. จะเป็นผู้ให้คำแนะนำในเรื่องดังกล่าว โดยให้ระยะเวลาบริษัทจดทะเบียนไทยเตรียมตัว 2 ปี หรือวางเป้าหมายในปีบัญชี 64 และเปิดเผยข้อมูลตามแบบ One Report ในปี 65
พร้อมกันนี้ ก.ล.ต.จึงขอเชิญชวนบริษัทจดทะเบียนเข้ารับการอบรมออนไลน์ เรื่อง "นโยบายการลดก๊าซเรือนกระจก: โอกาส ความท้าทาย และวิธีการประเมิน" เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเปิดเผยข้อมูลตามแบบ One Report โดยลงทะเบียนได้ถึงวันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม 2563 และเข้าอบรมได้ถึงวันศุกร์ที่ 30 ตุลาคม 2563 ซึ่งผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดและขั้นตอนการลงทะเบียนได้ที่ http://www.sec.or.th/e-learning
นายเกียรติชาย ไมตรีวงษ์ ผู้อำนวยการ อบก. กล่าวว่า การสนับสนุนให้เกิดการบูรณาการความร่วมมือของภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการลดก๊าซเรือนกระจก การดำเนินธุรกิจคาร์บอนต่ำและยั่งยืนที่คำนึงถึงการลดผลกระทบจากก๊าซเรือนกระจกแบบครบวงจร เป็นมาตรการสำคัญที่จะช่วยให้ประเทศไทยสามารถบรรลุผลสำเร็จในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตามเป้าหมายที่แสดงเจตนารมณ์ไว้แก่ประชาคมโลก จึงมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่สำนักงาน ก.ล.ต. เข้าเป็นแนวร่วมผลักดันเพื่อเตรียมความพร้อมให้กับบริษัทจดทะเบียน และภาคธุรกิจในตลาดทุนเกี่ยวกับการรายงานข้อมูลก๊าซเรือนกระจกขององค์กร ซึ่งถือเป็นการแสดงถึงความรับผิดชอบต่อสังคม และยกระดับไปสู่การกำหนดเป้าหมายและแนวทางในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ขององค์กรให้สามารถนำไปสู่การปฏิบัติในอนาคตได้อย่างแท้จริง
นอกจากนี้ ก.ล.ต.และ อบก. ยังมีแนวคิดการจัดตั้งกองทุนรวม Environmental Fund เพื่อเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนมาลงทุนในโครงการทำความดี เช่น โครงการ "คุณดูแลป่า เราดูแลคุณ" เพื่อความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมและสังคม โดยโครงการดังกล่าวจะช่วยสร้างการมีส่วนร่วมของภาคธุรกิจในตลาดทุนในการพัฒนากลไกการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อย่างยั่งยืนในพื้นที่ป่าชุมชน และสร้างความยั่งยืนให้กับชุมชุม ซึ่งสอดคล้องกับโครงการปลูกป่า และป้องกันไฟป่าของรัฐบาล และยังเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเข้ามาดูแลสังคม ชุมชนของประเทศเรา ทำให้ชุมชนที่ดูแลป่ามีความเข้มแข็ง ต่อยอด ศักยภาพของชุมชนให้พึ่งพาตัวเอง และมีรายได้ยั่งยืนจากป่า