SCBJB ตั้งเป้าเพิ่ม AUM กลุ่มลูกค้ามั่งคั่งเป็น 7 แสน-1 ล้านลบ.ใน 5 ปี ชูผลตอบแทน 2 หลัก

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday August 25, 2020 15:44 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางสาวลลิตภัทร ธรณวิกรัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ จำกัด (SCBJB) บริษัทในเครือธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าเพิ่มสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) ของกลุ่มลูกค้าที่มีความมั่งคั่งระดับสูงที่เป็น Ultra High Net Worth และ High Net Worth ซึ่งมีสินทรัพย์รวมตั้งแต่ 100 ล้านบาทขึ้นไป ในช่วง 5 ปี (ปี 63-67) เพิ่มเป็น 700,000-1,000,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นส่วนแบ่งตลาด 10% จากสิ้นปีนี้ที่บริษัทตั้งเป้าจะมี AUM อยู่ที่ 1.8-2.1 หมื่นล้านบาท

บริษัทเริ่มจัดตั้งและดำเนินงานมาตั้งแต่เดือน เม.ย. 62 ทุนจดทะเบียนประมาณ 1.8 พันล้านบาท ซึ่งในปี 63 บริษัทจะเดินหน้าการให้บริการลูกค้าอย่างเต็มที่มากขึ้น หลังจากเพิ่มทีมงานผู้จัดการธุรกิจสัมพันธ์ที่ให้คำปรึกษาด้านการลงทุนส่วนบุคคล (RM) มาที่ 30 คน จากปีก่อนมีอยู่ราว 10 คน ทำให้สามารถให้บริการลูกค้าได้มากขึ้น และทำให้บริษัทมีความพร้อมในการให้คำปรึกษาและบริหารพอร์ตของลูกค้าที่เน้นการลงทุนต่างประเทศ

SCBJB จะให้คำแนะนำลูกค้าลงทุนในต่างประเทศเป็นหลัก เพื่อช่วยจัดพอร์ตของลูกค้าที่ต้องการกระจายการลงทุน ซึ่งเป็นทางเลือกที่ให้ผลตอบแทนกับลูกค้ามากขึ้น พร้อมกระจายความเสี่ยง และเปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถเรียนรู้การลงทุนในประเทศต่างๆ เพื่อต่อยอดการลงทุนสร้างผลตอบแทนมากขึ้นกว่าการลงทุนในประเทศ เพราะบริษัทเชื่อว่าในปัจจุบันสินทรัพย์ทั่วโลกต่างมีความเชื่อมโยงกัน และสามารถเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะเป็นโอกาสในการเข้าถึงการลงทุนในระดับโลก

ด้านภาพรวมการลงทุนและเศรษฐกิจโลกในปี 63 บริษัทมองว่ายังคงเป็นปีที่เต็มไปด้วยความท้าทายสำหรับนักลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัจจัยจากสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดอย่างโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบไปทั่วโลก ซึ่งหลังจากภาวะตลาดผันผวนในช่วงครึ่งปีแรก ก็ได้เห็นสัญญาณการฟื้นตัวจากดัชนีชี้นำทางเศรษฐกิจในไตรมาส 3/63 และคาดว่า GDP โลกในปี 64 จะฟื้นตัวได้ถึง 6.5% และจากแนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในระยะยาว ทำให้บริษัทมองว่าตลาดตราสารทุนมีความน่าสนใจมากกว่าตลาดสินทรัพย์ปลอดภัย โดยการแนะนำการลงทุนจะเน้นไปที่ตลาดในสหรัฐอเมริกาและจีน สัดส่วนพอร์ตการลงทุนที่แนะนำ แบ่งเป็น ตราสารทุน 51% ตราสารหนี้ 40% ตลาดเงิน 5% และสินทรัพย์ทางเลือก 4%

กลยุทธ์ในช่วงครึ่งปีหลัง 63 บริษัทจะยึด 3 แกนหลักสำคัญในการดำเนินธุรกิจ ได้แก่ 1. Expert Advisory ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนที่มีความรู้ความสามารถ เชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์ รวมถึงบริการอันหลากหลายและความสามารถด้านการบริหารความมั่งคั่งมาตรฐานระดับโลกของจูเลียส แบร์

2. Personal Touch บริการที่เข้าใจกลุ่มลูกค้าคนไทยอย่างแท้จริง ด้วยผู้จัดการธุรกิจสัมพันธ์ (Relationship Manager – RM) คนไทยที่มีความรู้ ความเข้าใจตลาดเมืองไทย เข้าใจความต้องการของลูกค้าทั้งในเชิงวัฒนธรรม วิถีชีวิตและแนวคิดของคนไทยด้วยกัน พร้อมที่จะให้บริการได้ทันทีเนื่องจากประจำอยู่ที่สำนักงานใหญ่ในประเทศไทย โดยในปีนี้ได้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการดูแลลูกค้าแบบใหม่ที่เรียกว่า New Operating Rhythm – Single RM โดยที่แม้ว่าไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ จะเน้นการลงทุนต่างประเทศ แต่ถ้าลูกค้าของเรามีความต้องการที่จะลงทุนในประเทศ RM ของไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์จะสามารถดูแลและให้บริการแบบครบจบในคนเดียวผ่านแพลตฟอร์มของไทยพาณิชย์

3. Seamless Access การให้บริการผ่าน Open Product Platform ที่มาพร้อมผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีที่สุด เพื่อช่วยให้ลูกค้าในประเทศไทยสามารถลงทุนได้อย่างอิสระ ทำให้สามารถกำหนดกลยุทธ์การลงทุนที่สร้างผลตอบแทนที่ดีที่สุด ตรงตามความต้องการของลูกค้าแต่ละรายได้ และเข้าถึงการลงทุนทั่วโลกได้อย่างแท้จริง

"แม่ว่าช่วงนี้จะเป็นช่วงเริ่มต้นของ SCBJB แต่เราก็ได้รวบรวมทีมงานที่มีประสบการณ์และความสามารถในการบริหารจัดการพอร์ตให้กับลูกค้า รวมถึงจุดแข็งของพันธมิตรอย่างจูเลียส แบร์ ที่มีความสามารถในการบริหารจัดการพอร์ตของลูกค้า และลูกค้าที่บริหารส่วนใหญ่ 80-90% ก็มีผลตอบแทนเป็นบวก ทำใหบริษัทมั่นใจว่าการ่วมมือกับพันธมิตรและความพร้อมของทีมงานจะสามารถบริหารพอร์ตให้กับลูกค้ามีผลตอบแทนที่เป็นบวกไม่ต่ำกว่าตัวเลขสองหลัก"นางสาวลลิตภัทร กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ