หุ้น BAM ราคาไหลลง 4.90% มาอยู่ที่ 23.30 บาท ลดลง 1.20 บาท มูลค่าซื้อขาย 712.11 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.01 น. โดยเปิดตลาดที่ 23.20 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 23.50 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 23 บาท
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่า บมจ.บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ (BAM) รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/63 จำนวน 136 ล้านบาท ลดลง 82%YoY แย่กว่าที่หยวนต้าฯ และตลาดคาดไว้มาก หลังถูกกดดันด้วยกำไรจากการให้สินเชื่อลูกหนี้ NPL ลดลง 13.5%YoY หลังได้รับผลกระทบจากการประมูลขายทรัพย์ NPL ผ่านกรมบังคับคดีที่ลดลงไปเนื่องจากกรมบังคับคดีหยุดดำเนินงานในเดือน เม.ย.-พ.ค. ซึ่งแม้ในเดือน มิ.ย. จะกลับมาเปิดประมูลตามปกติและมียอดปิดประมูลสูงขึ้น แต่ยังไม่สามารถรับรู้การขาย NPL เข้ามาในงบการเงินได้ทั้งหมดในไตรมาส 2/63
อีกทั้ง กำไรจากการขายทรัพย์ NPA ลดลง 6.8%YoY ตามความต้องการซื้ออสังหาริมทรัพย์มือสองที่น้อยลงในช่วงล็อกดาวน์ บวกกับการลดทำกิจกรรมทางการตลาดในเดือน เม.ย.-พ.ค. และมีการตั้งสำรองเพิ่มขึ้นมาก เนื่องจากเป็นการตั้งสำรองในส่วนของรายได้ดอกเบี้ยค้างรับของลูกหนี้ NPL ที่รับรู้ตามมาตรฐานบัญชีใหม่ และตั้งสำรองเพิ่มเติมตามภาวะเศรษฐกิจที่มีความเสี่ยงสูงขึ้น
อย่างไรก็ดีปัจจัยลบต่าง ๆ บางส่วนถูกหักล้างด้วยการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างเข้มงวดและการลดโบนัสพนักงาน จนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลงไปราว 12%YoY
แม้ระยะสั้นคาดตลาดจะตอบสนองเชิงลบต่องบไตรมาส 2/63 ที่อ่อนแอกว่าคาด แต่ในช่วงกลางถึงยาวคาด BAM ยังมีความน่าสนใจ เนื่องจากผลดำเนินงานได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาส 2/63 และยอดขายทั้ง NPL และ NPA มีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นต่อเนื่อง นอกจากนี้ BAM ยังเป็นหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากแนวโน้มหนี้เสียของสถาบันการเงินที่คาดเริ่มปรับตัวขึ้นในปี 2564 ทำให้ Supply ของหนี้ NPL ไหลเข้าสู่ตลาดกลุ่มบริหารสินทรัพย์ (AMC) มากขึ้น
อีกทั้งมี Upside Risk จากการรับรู้ผลประโยชน์ทางภาษี ในส่วนของรายการภาษีสินทรัพย์ล่วงหน้า (DTA) มูลค่ากว่า 5 พันล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างพิจารณาเพื่อจะรับรู้รายการดังกล่าวทั้งหมดในปีนี้ จึงคงคำแนะนำ "ซื้อ" โดยราคาหุ้นปัจจุบันมี Upside 20.4% จากมูลค่าพื้นฐานใหม่ปี 2564 ที่ 29.50 บาท และคาดให้ Div.Yield อีก 3%