กลุ่มผู้ถือหุ้น บมจ.เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ (EARTH) นำโดยนายสิทธิชัย เจิดอำไพ ฐานะตัวแทนกลุ่มฯ กล่าวว่า วันนี้กลุ่มผู้ถือหุ้น EARTH กว่า 16,000 ราย และผู้ถือหน่วยสำคัญแสดงสิทธิที่จะแปลงเป็นหุ้นสามัญของ EARTH (วอร์แรนต์) ราว 5 พันราย ร่วมกันยื่นหนังสือถึงประธานคณะกรรมาธิการการคุ้มครองผู้บริโภค สภาผู้แทนราษฎร เพื่อเรียกร้องให้ตรวจสอบและหาข้อเท็จจริงการกระทำความผิดของธนาคารกรุงไทย (KTB) , สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)
กลุ่มผู้ถือหุ้นฯ ระบุในหนังสือร้องเรียนว่า กรณีของ KTB ได้ตัดวงเงินสินเชื่อของ EARTH อย่างกระทันหันโดยปราศจากเหตุผล โดยมีเจตนาไม่สุจริต ซึ่งในขณะนั้นบริษัทไม่เคยผิดชำระหนี้กับ KTB หรือชำระล่าช้า เป็นเหตุทำให้บริษัทได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง
ขณะที่ ก.ล.ต.เลือกปฏิบัติในการออกข่าวเตือนนักลงทุนก่อนมีการซื้อขายหุ้นสามัญของ EARTH ชั่วคราวในช่วงวันที่ 1-31 ก.ค.62 โดยมีเจตนาออกข่าวเตือนเพียงบริษัทแห่งเดียว ทั้งที่ในช่วงเวลาดังกล่าว ตลท.ประกาศแจ้งให้มีการซื้อขายชั่วคราวทั้งสิ้น 15 บริษัท ทำให้ราคาหุ้น EARTH ลดลงต่อเนื่องอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้ผู้ถือหุ้นและผู้ถือวอร์แรนต์ของ EARTH เสียหายในวงกว้าง ประกอบกับข้อมูลที่นำมาใช้ไม่ได้มีการรับรองจากบริษัทและไม่ได้มีการนำส่งให้ ก.ล.ต.แต่อย่างใด
ส่วนกรณีของ ตลท.เป็นการเลือกปฏิบัติในการเพิกถอนหุ้น EARTH ออกจากการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพียงบริษัทเดียว จากเหตุส่งงบการเงินล่าช้า นอกจากนี้ ตลท.ยังได้ส่งหนังสือสั่งให้เพิกถอนในวันรุ่งขึ้นหลังจากการซื้อขายชั่วคราว โดยไม่ได้มีการเปิดเผยต่อสาธารณชน จึงทำให้บริษัทไม่สามารถจัดประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาการยื่นอุทธรณ์คำสั่งได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด นอกจากนี้การสั่งเพิกถอนมีการออกคำสั่ง 2 ครั้ง แต่แจ้งต่อสาธารณชนเพียง 1 ฉบับ จึงเป็นเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์ และเป็นเหตุให้ผู้ถือหุ้น EARTH และผู้ถือวอร์แรนต์ได้รับความเสียหายจากการต้องซื้อขาย 7 วันสุดท้ายก่อนการเพิกถอน เนื่องจากราคาหุ้นลดลงอย่างรุนแรง และปัจจุบันวอร์แรนต์หมดอายุไม่สามารถแปลงเป็นหุ้นสามัญได้ และหุ้น EARTH ถูกเพิกถอนออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ไม่สามารถซื้อขายได้
ผู้ถือหุ้น EARTH และ ผู้ถือวอร์แรนต์ ยังร้องขอให้ กรรมาธิการคุ้มครองผู้บริโภค ตรวจสอบความคืบหน้าของคดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ที่มีการกล่าวให้ร้ายต่อบริษัทฯ โดยธนาคารกรุงไทย และ ก.ล.ต. ในเรื่องการปลอมเอกสารนำเข้าถ่านหิน (B/L) และสร้างหนี้เทียม 26,000 ล้านบาท แต่ผ่านมา 3 ปี ยังไม่พบความผิดตามที่กล่าวหาใดๆ