ICHI พุ่ง 9.55% ลุ้นกำไรสุทธิปีนี้ทะลุ 500 ลบ.หลังคาดรายได้โตกว่า 5% ชูสินค้าใหม่เทรนด์สุขภาพ

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday September 1, 2020 15:26 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

หุ้น ICHI ราคาพุ่งขึ้น 9.55% มาอยู่ที่ 9.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.85 บาท มูลค่าซื้อขาย 582.26 ล้านบาท เมื่อเวลา 15.18 น. โดยเปิดตลาดที่ 8.95 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 9.80 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 8.90 บาท

นายตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ บมจ.อิชิตัน กรุ๊ป (ICHI) เปิดเผยว่า บริษัทวางเป้าหมายทำกำไรสุทธิปีนี้ไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 407.45 ล้านบาท โดยคาดว่ารายได้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 5% จากปีก่อนมีรายได้ 5.35 พันล้านบาท

ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าภาพรวมผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังจะเติบโตต่อเนื่องจากช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เบาบางลง ทำให้การดำเนินกิจกรรมทางการตลาดภายในประเทศเริ่มฟื้นตัว กำลังซื้อเริ่มปรับตัวดีขึ้น และมองเห็นความต้องการบริโภคขยายตัวได้ดี โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าบริโภคเพื่อสุขภาพ

พร้อมกันนี้ บริษัทเตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เน้นเรื่องของสุขภาพเป็นหลักเพื่อให้สอดคล้องไปกระแสความนิยม โดยครึ่งปีหลังจะเปิดตัว 3 รายการ ซึ่งในช่วงเดือน ส.ค. 63 เปิดตัวไปแล้ว 1 รายการ คือ อิชิตัน น้ำด่าง 8.5 ผสมวิตามินบีรวม มี 2 ขนาด ได้แก่ ขนาด 550 มิลลิลิตร (ml) ราคา 20 บาท และขนาดใหม่ 350 ml ราคา 10 บาท ทำตลาดไปในช่วงปลายเดือนมิ.ย. 63 และได้รับการตอบรับที่ดีเกินคาด เชื่อว่าจะเข้ามาสนับสนุนผลงานในช่วงที่เหลือของปีนี้

บริษัทเตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่อีก 2 รายการในช่วงปลายเดือน ก.ย.ถึงต้นเดือน ต.ค.นี้ ได้แก่ อิชิตัน วิตามิน วอเตอร์ ซี พลัส อี (ICHITAN Vitamin C Water (C200)) เสริมภูมิต้านทาน ป้องกันไข้หวัด วางจำหน่าย 2 ขนาด ได้แก่ ขนาด 550 ml ราคา 20 บาท และขนาด 350 ml ราคา 10 บาท เจาะตลาด Modern Trade และ Traditional Trade และ อิชิตัน วิตซีซี (ICHITAN Vitt CC) เครื่องดื่มวิตามินซีสูง ขนาด 280 ml ราคา 15 บาท วางขายผ่าน Traditional Trade, MAKRO และ Mini Big C เป็นต้น

นอกจากนั้นบริษัทจะเปิดตัวเย็นเย็น X Dragonball Z และเย็นเย็น Super Cooling เพื่อบุกตลาดผู้บริโภคเฉพาะกลุ่มเพิ่มเติมอีกด้วย

ขณะเดียวกัน ICHI จะร่วมกับพันธมิตรรายใหญ่ที่มีศักยภาพกับ TRUE, IKEA และ Grab ส่งเสริมการขายและการขยายฐานลูกค้ารายใหม่ผ่านฐานลูกค้าของแต่ละแบรนด์ ซึ่งมองว่าจะเข้ามาช่วยสนับสนุนให้ยอดขายในช่วงครึ่งปีหลังให้กลับมาคึกคักมายิ่งขึ้นจากปกติเป็นช่วง Low Season ของธุรกิจ

นายตัน กล่าวถึงตลาดต่างประเทศว่า ช่วงที่เหลือของปี 63 คาดว่าจะดีกว่าช่วงครึ่งปีแรกเช่นกัน โดยบริษัทได้ขยายตลาดในแต่ละประเทศมากขึ้น อาทิ มาเลเซีย เมียนมา สปป.ลาว และกัมพูชา ขณะที่ตลาดฟิลิปปินส์ คาดว่าจะเริ่มในช่วงไตรมาส 1/64 ส่วนอินโดนีเซีย ปีนี้มีการเติบโตที่ค่อนข้างดีสวนตลาด โดยในปัจจุบันพลิกกลับมาทำกำไรแล้ว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ