PTG ตั้งเป้าชิงเบอร์ 1 ตลาด LPG สำหรับรถยนต์ภายในปี 64, โต้ข่าวลือเตรียมเพิ่มทุน

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday September 3, 2020 14:57 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าที่จะเพิ่มส่วนแบ่งตลาดขึ้นเป็นอันดับ 1 ในตลาด LPG สำหรับรถยนต์ในปี 64 จากปลายปีนี้บริษัทคาดว่าจะขึ้นเป็นอันดับ 3 ของตลาด โดยปัจจุบันบริษัทมีส่วนแบ่งตลาดอยู่ที่ 10.6% หรืออยู่อันดับที่ 5 ของตลาด LPG สำหรับยานยนต์ โดยบริษัทตั้งเป้าที่จะขยายจำนวนสถานีบริการ LPG และ LPG ที่มีน้ำมันด้วยเพิ่มเป็น 230 สาขาภายในปีนี้ จากปัจจุบันที่มีทั้งหมด 198 สาขา
ทั้งนี้ บริษัทยังคงงบลงทุนในปีนี้ไว้ที่ 3,000-3,500 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่ราว 3,300 ล้านบาทจะใช้ในการขยายสถานีบริการน้ำมันให้เป็น 1,900 สาขา จากปัจจุบันที่ 1,866 สาขา เพิ่มสถานีบริการ LPG และ LPG ที่มีน้ำมันด้วย และขยายธุรกิจ Non-Oil เป็น 700 สาขา ส่วนที่เหลืออีกราว 200 ล้านจะใช้ในการลงทุนธุรกิจใหม่เพิ่มเติม

บริษัทยังมั่นใจว่าปริมาณการจำหน่ายน้ำมันทั้งปีจะเติบโตได้ราว 6-10% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และปริมาณการขาย LPG จะเติบโต 15-20% โดยจะทำให้ EBITDA เพิ่มขึ้น 6-10% ซึ่งเป็นผลจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ ประกอบกับ บริษัทยังให้ความสำคัญกับการเพิ่มปริมาณการขายของสาขาเดิมโดยการปรับปรุงสาขาให้มีความทันสมัย และครอบคลุมการให้บริการต่างๆ เพิ่มขึ้น ด้านนายรังสรรค์ พวงปราง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ PTG เปิดเผยว่า สำหรับข่าวลือที่ออกมาว่าบริษัทเตรียมเพิ่มทุนเพื่อรองรับการลงทุนใหม่ๆ นั้น บริษัทขอยืนยันว่าจะไม่มีการเพิ่มทุนอย่างแน่นอน โดยหลังจากนี้จะไม่มีการลงทุนที่ต้องใช้เงินทุนจำนวนมากแล้ว เพราะช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้เข้าไปลงทุนไว้มาก และสำหรับการลงทุนใหม่ๆ บริษัทก็มีแหล่งเงินที่เพียงพอ "มีข่าวลือออกมาว่าเราจะมีการเพิ่มทุนนั้นไม่ใช่ความจริง และเราถูกกำชับโดย CEO ว่าจะไม่รบกวนผู้ถือหุ้น และหากจะเกิดขึ้นก็เป็นทางเลือกสุดท้าย โดยที่ผ่านมาอาจจะเห็นว่าเรามีการลงทุนจำนวนมาก แต่หลังจากนี้แล้วการลงทุนจะไม่มากเท่าก่อนหน้านี้ และหากมีการลงทุนใหม่ๆ เองเราก็มีแหล่งเงินที่เตรียมไว้เพียงพอแล้ว"นายรังสรรค์ กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ